ไมค์อัดเสียง

10 สุดยอดไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ที่คุณต้องมีประจำปี 2022

สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ บนโลกออนไลน์ในปัจจุบันนั้นไม่ว่าจะเป็นการพากย์เสียงรายการ การ Cover เพลง การทำ Content สำหรับ Youtuber การ Streamer  การ Live Streaming หรืออีกหลากหลายกิจกรรมออนไลน์ที่จำเป็นต้องใช้เสียงที่สมบูรณ์เป็นส่วนประกอบนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “ไมค์อัดเสียง” ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้เรียกได้ว่ามีความจำเป็นมาก และมีการพัฒนาเทคโนโลยีการอัดเสียงอย่างไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นลองมาดูกันว่าไมค์อัดเสียงที่น่าสนใจสำหรับปี 2022 จะมีแบรนด์ไหนบ้างที่ควรหามาใช้งาน

ลองมาดูกันว่า 10 อันดับไมค์อัดเสียง แต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นอะไรบ้างที่น่าสนใจ

1

RODE VideoMicro On-Camera Microphone

บันทึกเสียงได้ดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับกล้องวีดีโอ

สำหรับ RODE VideoMicro On-Camera Microphone เป็นไมค์อัดเสียงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจาก RODE ซึ่งเป็นแบรนด์ไมโครโฟนยอดฮิตในประเทศไทย จุดเด่นของไมค์รุ่นนี้คือเป็นไมค์ Condenser ระบบ Cardioid สามารถเก็บเสียงด้านหน้าได้เป็นอย่างดี มีแผ่นซับเสียงเพื่อป้องกันเสียงรบกวน เหมาะสมสำหรับการใช้ร่วมกับกล้องวีดีโอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกล้อง DSLR ด้วย Port TRS มาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร รับเสียงด้วยความละเอียดสูงได้สูงสุด 140 dB


2

Razer Seiren Elite 

ออกแบบมาเพื่อ Streamer สายแคสเกมโดยเฉพาะ

Razer Seiren Elite เป็นไมค์อัดเสียงระบบ Dynamic ที่ถูกออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่า Streamer สายแคสเกมโดยเฉพาะ รวมไปถึงการใช้อัดเสียงพากย์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ Cardioid ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับการรับเสียงด้านหน้า การบันทึกเสียงสามารถทำได้ในช่วงความถี่ 50 Hz ถึง 20 kHz รับเสียงได้สูงสุด 120 dB มีการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย การใช้งานทำได้อย่างสะดวกด้วยปุ่มเพิ่ม – ลดเสียงที่ตัวไมค์โดยไม่จำเป็นต้องไปปรับที่คอมพิวเตอร์


3

IK Multimedia iRig Mic Cast 2

บันทึกเสียงได้ง่ายๆ เพียงต่อกับ Smart Phone

สำหรับ IK Multimedia iRig Mic Cast 2 เป็นไมค์อัดเสียงที่สามารถบันทึกเสียงได้ 2 ทิศทางทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยสามารถปรับได้จากสวิตช์บนตัวไมค์ว่าต้องการให้รับทางด้านหน้า หรือด้านหลัง และสามารถปรับให้รับเสียงพร้อมกันได้ 2 ทิศทาง มีช่องเสียบหูฟังเพื่อรับฟังเสียงแบบ Real Time ในขณะที่ทำการบันทึกเสียง ที่สำคัญไมค์รุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือเพื่อบันทึกเสียงได้อย่างง่ายดาย รวมถึงปรับแต่งเสียงได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน iRig Recorder 3 LE


4

Signo MP-701

ไมค์อัดเสียงแบบตั้งโต๊ะ ไม่ว่าจะร้องเพลง หรือพากย์เสียงก็ชัดเจน

Signo MP-701 เป็นไมค์อัดเสียงแบบตั้งโต๊ะ Uni-directional ที่ถูกออกแบบมาให้รับเสียงทางด้านหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถนำไปใช้ในการร้องเพลง พากย์เสียง หรือการผลิต Content ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี การบันทึกเสียงนั้นตอบสนองต่อย่านความถี่ 20 Hz ถึง 20 kHz ซึ่งสามารถเก็บเสียงพูดและเสียงร้องได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเสียงสูง หรือเสียงต่ำ

5

Beyerdynamic Fox

ให้คุณภาพของการบันทึกเสียงในระดับมืออาชีพ

สำหรับ Beyerdynamic Fox เป็นไมค์รับเสียงแบบ Dynamic ที่ใช้ระบบ Cardioid ซึ่งเหมาะสมมากที่สุดสำหรับการรับเสียงทางด้านหน้า ความสามารถในการรับเสียงได้สูงสุด 98 dB โดยมีความละเอียดสูงสุดที่ 24 Bit / 96 kHz ทำให้ไมค์รุ่นนี้เหมาะสมสำหรับการบันทึกเสียงที่ต้องการความละเอียดสูง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในห้องอัดเสียง สตูดิโอบันทึกเสียง ส่วนการเชื่อมต่อนั้นใช้ Port USB ซึ่งช่วยให้การบันทึกเสียงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

6

BOYA Dual Mic Lavalier BY-LM400

บันทึกเสียงสัมภาษณ์ได้ชัดเจน ถ้าคิดจะทำรายการต้องมี

BOYA Dual Mic Lavalier BY-LM400 เป็นไมค์บันทึกเสียงแบบหนีบติดเสื้อ ที่สามารถติดไว้กับตัวซึ่งทำให้เหมาะสมสำหรับการติดไว้ที่ตัวบุคคลซึ่งคือตัวพิธีกร และแขกรับเชิญระหว่างการถ่ายทำรายการ หรือว่าการสัมภาษณ์ โดยไมค์ชุดนี้นั้นจะเป็นไมค์แบบ 2 หัวในสายเส้นเดียว แต่ไม่ต้องห่วงในเรื่องระยะของกล้อง เนื่องจากมีสายมาให้ยาวถึง 4 เมตร เชื่อมต่อด้วย Port 3.5 มิลลิเมตร สามารถต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนได้ทันที

7

SHURE MOTIV™ MV5

ไมค์บันทึกเสียงจากแบรนด์ระดับโลก ให้รายละเอียดเสียงที่ยอดเยี่ยม

สำหรับ SHURE MOTIV™ MV5 เป็นไมค์บันทึกเสียงแบบตั้งโต๊ะที่สามารถบันทึกเสียงได้อย่างละเอียดมาก ด้วยมาตรฐานจากแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง SHURE ซึ่งไมค์รุ่นนี้เป็นระบบ Digital Condenser ตอบสนองย่านความถี่ตั้งแต่ 20 Hz – 20 kHz ทำให้สามารถบันทึกเสียงได้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด หรือเสียงร้อง เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างหลากหลายด้วย Port USB Audio Class 2.0 และ Micro-B OTG

8

MAONO BM10

ตัวช่วยที่สำคัญสำหรับการประชุมออนไลน์

ไมค์อัดเสียง MAONO BM10 เป็นไมค์ Condenser ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการสื่อสารผ่านระบบออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่แบนเรียบ ไม่บังหน้า ไม่เปลืองเนื้อที่ ขนาดกะทัดรัดสามารถนำไปใช้งานได้ทุกสถานที่ โดยไมค์รุ่นนี้เป็นระบบ Omni-directional ที่สามารถรับเสียงได้จากรอบทิศทาง รับเสียงที่ย่านความถี่ 80 Hz to 10 kHz รับเสียงได้ดังสูงสุดที่ 110 dB ใช้สำหรับการสนทนาออนไลน์ได้เป็นอย่างดี การบันทึกเสียงก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน

9

Samson GO Microphone

ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เชื่อมต่อได้หลากหลายโปรแกรม

สำหรับ Samson GO Microphone เป็นไมค์อัดเสียงแบบ Condenser ขนาดเล็กที่ใช้งานง่าย พกพาสะดวก เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย Port USB อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมทางด้านเสียงได้หลากหลายโปรแกรม โดยไมค์รุ่นนี้ให้คุณภาพเสียงที่ 16-bit ตอบสนองได้ดีที่สุดในช่วงความถี่ 44.1kHz – 20 Hz บันทึกเสียงได้ชัดเจน ไม่เกิดความผิดเพี้ยน

10

MAONO AU-902

ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการทำงาน

สำหรับ MAONO AU-902 เป็นไมค์อัดเสียงอีกหนึ่งรุ่นที่เรียกได้ว่าครบครัน ด้วยไมค์ที่เป็นระบบ Condenser รับเสียงแบบ Cardioid รับเสียงได้ดีที่สุดทางด้านหน้า ตอบสนองได้ดีที่สุดในย่านความถี่ 20 Hz – 20 kHz รับเสียงได้ดังที่สุด 110 dB เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย Port USB เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ จุดเด่นที่สำคัญของไมค์รุ่นนี้คือที่ตัวไมค์นั้นมีปุ่มควบคุมการทำงานติดตั้งมาให้ ทำให้สามารถสั่งการ รวมไปถึงปรับระดับเสียงได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องปรับในคอมพิวเตอร์

วิธีการเลือกซื้อไมค์อัดเสียง

  • เลือกให้ตรงกับรูปแบบการใช้งาน สำหรับการเลือกไมค์อัดเสียงมาใช้นั้นสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือจะนำมาใช้อัดเสียงในลักษณะไหน เพราะไมค์อัดเสียงแต่ละประเภทนั้นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป บางประเภทรับเสียงได้เฉพาะทางด้านหน้า ซึ่งเหมาะกับการใช้งานคนเดียว บางประเภทรับเสียงได้รอบทิศทาง ทำให้เหมาะกับการใช้งานพร้อมกันหลายคน ดังนั้นการเลือกไมค์อัดเสียงให้ตรงกับรูปแบบการใช้งานจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะไปพิจารณาถึงคุณสมบัติพิเศษด้านอื่นๆ 
  • ควรตัดเสียงรบกวนได้ดี การบันทึกเสียงที่ดีนั้นต้องมีเสียงรบกวนที่ไม่จำเป็นให้น้อยที่สุด หรือต้องไม่มีเลย ดังนั้นการเลือกไมค์อัดเสียงที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะจะช่วยให้คุณภาพเสียงที่ได้นั้นคมชัด เสียงชัดเจน ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญสำหรับผู้ชมนั่นเอง 
  • การเชื่อมต่อต้องทำได้ง่าย และมีคุณภาพ สำหรับการเชื่อมต่อไมค์อัดเสียงเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ให้ได้เสียงที่มีคุณภาพนั้นเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งการเชื่อมต่อของไมค์อัดเสียงกับอุปกรณ์อื่นๆ นั้นในปัจจุบันมีการเชื่อมต่อหลักๆ 2 ประเภทคือ Port USB และ Jack Audio 3.5 mm. ซึ่งการเชื่อมต่อทั้งสองประเภทก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยการเชื่อมต่อประเภท Port USB นั้นตัวไมค์จะเชื่อมต่อได้กับคอมพิวเตอร์เท่านั้น ส่วนการเชื่อมต่อด้วย Jack Audio 3.5 mm. จะสะดวกกว่าเนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายกว่านั่นเอง แต่การเชื่อมต่อด้วย Port USB จะช่วยให้ได้คุณภาพเสียงที่สมบูรณ์กว่า 
  • อุปกรณ์เสริมต่างๆ ต้องมีคุณภาพ สำหรับไมค์อัดเสียงบางรุ่นจะมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ แถมมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นขาตั้งไมค์ บังลม ฟองน้ำหุ้มไมค์ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้การบันทึกเสียงทำได้ขึ้นสำหรับมือใหม่ ซึ่งการเลือกซื้อไมค์ที่มีอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ต้องเลือกดูว่าอุปกรณ์เสริมเหล่านั้นมีคุณภาพดีหรือไม่ อุปกรณ์เหล่านั้นต้องตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้อย่างครบถ้วน
  • มีการรับประกัน และบริการหลังการขาย การเลือกซื้อไมค์อัดเสียงนั้นจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องการรับประกัน และบริการหลังการขายด้วย ซึ่งถ้าเลือกซื้อไมค์แบรนด์ที่มีคุณภาพ หรือซื้อจากร้านค้าที่มีมาตรฐานนั้นมักจะมีการรับประกันมาให้ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ รวมไปถึงมีบริการหลังการขายที่ดี ส่วนการเลือกซื้อไมค์อัดเสียงที่มีราคาถูกเกินไปอาจจะไม่มีการรับประกัน หรือบริการหลังการขาย

คำถามที่พบบ่อยของไมค์อัดเสียง

สำหรับไมค์อัดเสียงนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทที่ได้รับความนิยมนั่นคือ Dynamic Microphone และ Condenser Microphone ซึ่งไมค์อัดเสียงทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องของระบบการทำงาน รวมไปถึงคุณภาพ ซึ่ง Dynamic Microphone จะมีราคาที่ถูกกว่า ไม่สามารถบันทึกเสียงในระยะไกลได้ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้บันทึกเสียงธรรมดา หรือบันทึกเสียงในระยะใกล้นั่นเอง ส่วน Condenser Microphone นั้นเรียกได้ว่าเป็นไมค์บันทึกเสียงที่มีคุณภาพสูง มีราคาแพง แต่สามารถบันทึกเสียงได้ละเอียด บันทึกเสียงในระยะไกลได้ดี

ในเรื่องทิศทางการรับเสียงของไมค์อัดเสียงประเภทต่างๆ เรียกได้ว่ามีความสำคัญมาก เพราะไมค์อัดเสียงแต่ละรุ่นก็มีทิศทางการรับเสียงที่แตกต่างกันให้เลือกใช้งาน ซึ่งการรับเสียงของไมค์นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 5 รูปแบบคือ 

  • Cardioid เป็นการรับได้เสียงได้เฉพาะเสียงที่มาจากทางด้านหน้าเท่านั้น 
  • Figure Eight เป็นระบบรับเสียงสองทิศทางคือด้านหน้า และด้านหลัง 
  • Omnidirectional เป็นไมค์ประเภทที่รับเสียงจากรอบทิศทางได้อย่างเท่าเทียมกัน
  • Unidirectional เป็นรูปแบบการรับเสียงทางตรงได้เป็นอย่างดี แต่สามารถรับเสียงทางด้านข้างได้ด้วย แต่ความชัดเจนของเสียงด้านข้างก็จะลดลงตามระยะทาง 
  • Bidirectional เป็นไมค์ที่สามารถรับเสียงได้ดีที่สุดจากด้านข้าง และด้านหลัง สำหรับเสียงทางด้านจะรับได้ไม่ค่อนข้างเบา

ในทางเทคนิคนั้นปัจจัยต่างๆ ที่จะมีผลต่อคุณภาพในการอัดเสียงของไมค์อัดเสียงประเภทต่างๆ คือค่าความไวในการรับเสียง (Sensitivity) และ การตอบสนองความถี่เสียง (Frequency Response) ซึ่งสามารถพิจารณาองค์ประกอบเหล่านี้ได้จากรายละเอียดที่แสดงไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกไมค์อัดเสียงมาใช้งาน 

  • ค่าความไวในการรับเสียง (Sensitivity) หมายถึงความไวที่ไมค์ตัวนั้นจะจับเสียงต่างๆ ได้นั่นเอง ซึ่งค่าความไวนั้นมีหน่วยเป็นเดซิเบล หรือ dB (Decibel) ซึ่งไมค์อันเสียงประเภท Condenser Microphone จะมีค่า dB เริ่มตั้งแต่ -30 ถึง -40 dB ถ้ามีค่าเข้าใกล้ 0 มากเท่าไร แสดงว่าไมค์อัดเสียงตัวนั้นมีความไวในการรับเสียงที่มากขึ้น
  •  การตอบสนองความถี่เสียง (Frequency Response) เสียงต่างๆ นั้นมีคลื่นความถี่ที่แตกต่างกันไป โดยความถี่ที่มนุษย์สามารถได้ยินอยู่ระหว่าง 20 Hz ถึง 20 kHz การหาไมค์อัดเสียงมาใช้งานควรเลือกที่การตอบสนองความถี่เสียงครอบคลุมย่านความถี่เสียงที่มนุษย์สามารถได้ยินอย่างครบถ้วน

แหล่งอ้างอิง

http://portal5.udru.ac.th

http://ethesisarchive.library.tu.ac.th

Scroll to Top