สำหรับสภาพอากาศในยุคปัจจุบันที่นับวันจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิมด้วยหลายๆ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ทำให้เครื่องฟอกอากาศที่มีหลากหลายประเภท ซึ่งแตกต่างไปตามรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแบบทั่วไป หรือชนิดที่มีแผ่นกรองสำหรับคนเป็นภูมิแพ้
ลองมาดูกันว่า 10 อันดับเครื่องฟอกอากาศที่น่าใช้นั้นมีแบรนด์อะไรบ้างที่น่าสนใจ และแต่ละแบรนด์มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปอย่างไร
1
เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS AC0820/20
ระบบฟอกอากาศอัจฉริยะที่จะช่วยให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับ PHILIPS AC0820/20 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยให้สภาพอากาศภายในบ้านมีคุณภาพที่ดีขึ้น เรียกได้ว่าเป็นระบบกรองอากาศคุณภาพสูงในขนาดที่เล็กกระทัดรัดด้วยน้ำหนักเพียง 2.4 กิโลกรัม ใช้ระบบหมุนเวียนอากาศแบบ 3 มิติที่สามารถจัดการอนุภาคขนาดเล็กมากกว่า Pm 2.5 ทำให้อากาศสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3C
ตัวช่วยที่จะจัดการกับสภาพอากาศภายในห้องได้สะอาดกว่าเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Xiaomi Air Purifier 3C เป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นยอดนิยมของ Xiaomi ที่มาพร้อมกับแผ่นกรองสามชั้น และแผ่นกรอง True HEPA ทำให้สามารถฟอกอากาศได้ด้วยความเร็วสูงถึง 320 ลบ.ม / ชม. และสามารถขจัดมลภาวะได้มากถึง 99.97% ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 106 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังสามารถใช้การควบคุมอัจฉริยะผ่าน Mi Home/Xiaomi Home + ได้อีกด้วย
3
เครื่องฟอกอากาศ SHARP AIR PURIFIER FP-J30TA
ช่วยอากาศภายในห้องสะอาดได้ด้วยเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ 3 ขั้นตอน
SHARP AIR PURIFIER FP-J30TA เป็นเครื่องฟอกอากาศระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ความเข้มข้นสูง ทำให้สามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ภายในอากาศได้เป็นอย่างดีด้วยการใช้อนุภาคบวก / ลบ อีกทั้งยังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นละออง และกลิ่น นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มค่าด้วยแผ่นกรองกลิ่น และแผ่นกรองฝุ่นที่สามารถใช้งานได้ถึง 2 ปีในสภาพการใช้งานตามปกติ
4
เครื่องฟอกอากาศ Daikin MC30VVM-A
ระบบฟอกอากาศอัจฉริยะขนาดเล็ก ฟอกอากาศได้เร็ว ดักจับฝุ่น PM.2.5 ได้ละเอียดถึง 3 ระดับ
สำหรับ Daikin MC30VVM-A เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของแบรนด์นี้ มีจุดเด่นด้วยไส้กรงอากาศแบบ HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานได้นาน สามารถจัดการกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดีด้วยแผ่นกรองคาร์บอน นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ช่องลมเข้า 3 ทิศทาง ทำให้สามารถสามารถดึงอากาศเข้าได้อย่างรวดเร็ว เมื่อนำไปวางชิดผนังจะไม่สร้างความสกปรกให้ผนัง
5
เครื่องฟอกอากาศ GMAX AP-902-2B
ตัวช่วยที่ดีสำหรับการฟอกอากาศภายในบ้านในราคาที่เหมาะสม
เครื่องฟอกอากาศ GMAX AP-902-2B แม้ว่าจะเป็นแบรนด์ที่ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่สามารถจัดการกับอากาศภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยไส้กรอง 3 ชั้น รวมไปถึงไส้กรองคาร์บอน และไส้กรอง HEPA ทำให้ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ ฝุ่นPM 2.5 แบคทีเรียในอากาศ หรือไรฝุ่นจากผ้าก็สามารถจัดการได้ด้วยระบบการกรองอากาศที่ได้มาตรฐาน
6
ครื่องฟอกอากาศ Smart Air – The Sqair
ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำงานเงียบไร้เสียงรบกวน
จุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศ Smart Air – The Sqair ที่เห็นได้ชัดคือการออกแบบที่โดดเด่นด้วยขาของเครื่องที่ทำมาจากไม้จริงเมื่อเปิดให้เครื่องทำงานจะช่วยลดการสั่นสะเทือนระหว่างการทำงานอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะช่วยลดเสียงระบบกวนแล้ว ขาที่เป็นไม้จริงยังให้ความสวยงามที่ไม่เหมือนใคร ส่วนระบบฟอกอากาศคือแผ่นกรอง 3 ชั้นพร้อมแผ่นกรอง HEPA สามารถมั่นใจได้ในเรื่องประสิทธิภาพ
7
เครื่องฟอกอากาศ Redplus Air Purifier
ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น Pm2.5 ควัน หรือสารก่อภูมิแพ้ก็สามารถจัดการได้
Redplus Air Purifier เป็นอีกหนึ่งเครื่องฟอกอากาศแบรนด์ไทยที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้แบรนด์จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดีไซน์ หรือประสิทธิภาพในการฟอกอากาศด้วยไส้กรอง 3 ชั้น เครื่องฟอกอากาศตัวนี้โดดเด่นด้วยระบบการควยคุมไร้สายที่ให้มีความสะดวกในการใช้งาน ประหยัดพลังงาน ไม่สร้างเสียงรบกวนขณะทำงาน
8
เครื่องฟอกอากาศ IMAX Air Purifier IM-001
เครื่องฟอกอากาศมาตรฐานอุตสาหกรรม มีคุณภาพไว้ใจได้
IMAX Air Purifier IM-001 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดกะทัดรัด ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ ทนทาน ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม ใช้งานง่ายด้วยเมนูภาษาไทย นอกจากนี้ยังระบบการกรองอากาศด้วยไส้กรอง 3 ชั้นที่จัดการกลิ่น ฝุ่น Pm 2.5 สารก่อภูมิแพ้ ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีไส้กรองคาร์บอน และไส้กรอง HEPA สามารถทำงานต่อเนื่องได้ถึง 16 ชั่วโมง เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาด 30 – 50 ตรม.
9
เครื่องฟอกอากาศ Beko ATP5100I
ฟอกอากาศด้วยระบบ 360 Airflow สร้างอากาศสะอาดทุกทิศทาง
Beko ATP5100I เป็นเครื่องฟอกอากาศอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยม โดยจุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้คือเป็นเครื่องที่มีขนาดเล็ก ไม่เน้นในเรื่องการใช้งานหนัก เหมาะสำหรับห้องขนาด 10 – 18 ตารางเมตร แต่สร้างความโดดเด่นด้วยระบบ 360 Airflow ทำให้อากาศสะอาดรอบทิศทาง สามารถกรองอากาศได้อย่างรวดเร็ว ไส้กรองที่ใช้เป็น HEPA 13 ที่สามารถกรองอากาศได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน จัดการกับกลิ่น และฝุ่นละอองในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10
เครื่องฟอกอากาศ ELECTROLUX FA31-202GY
ใช้งานง่าย จัดการฝุ่นละอองอย่างหมดจด สร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในห้อง
สำหรับ ELECTROLUX FA31-202GY เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งานง่ายด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ LED ระบบสัมผัส ตัวเครื่องมีเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองถึง 3 ระดับไม่ว่าจะเป็น PM 1, 2.5 และ 10 นอกจากนี้ยังสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียต่างๆ ในอากาศได้ถึง 99% ด้วยชุดกรองอากาศแนวตั้ง และแผ่นกรอง 3 ชั้น เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะสมสำหรับใช้งานในห้องขนาด 20 – 26 ตารางเมตร
เครื่องฟอกอากาศเหมาะสำหรับใคร
เครื่องฟอกอากาศนั้นเรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่เหมาะสมกับทุกบ้านในเขตเมืองใหญ่ หรือใกล้โรงงานอุตสาหกรรมของประเทศไทย เนื่องจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันล้วนเต็มไปด้วยฝุ่นละออง ควันพิษ ที่กลายเป็นมลภาวะทางอากาศอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศจะทำหน้าที่ในการคัดกรองสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายออกไปด้วยการดักจับไว้กับแผ่นกรองอากาศรูปแบบต่างๆ ภายในตัวเครื่องนั่นเอง
ซึ่งนอกจากเครื่องฟอกอากาศจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองใหญ่ หรือใกล้โรงงานอุตสาหกรรมที่มีมลภาวะทางอากาศหนาแน่นแล้ว อีกหนึ่งกลุ่มที่จำเป็นจะต้องมีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้งานนั่นคือกลุ่มคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เพราะว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นจะจัดการดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศที่เป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็น ไรฝุ่น หรือเกสรดอกไม้ เมื่อสาเหตุของภูมิแพ้ลดลงแล้วอาการภูมิแพ้ก็จะลดลง ทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
วิธีการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
- เลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพราะว่าขนาดของเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับขนาดของห้องจะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศ
- อัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศต้องเหมาะสม ค่าการเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมง หรือค่า CADR ซึ่งเป็นค่าของการวัดปริมาณอากาศทั้งหมดที่เครื่องฟอกอากาศนั้นสามารถจัดการทำความสะอาดได้ภายใน 1 นาที โดยค่านี้ถ้ายิ่งมีตัวเลขที่มากจะแสดงถึงความสามารถในการฟอกอากาศของเครื่องฟอกอากาศนั้นๆ
- เลือกไส้กรองให้เหมาะสม ไส้กรองประเภทต่างๆ ของเครื่องฟอกอากาศนั้นมีลักษณะเฉพาะเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยส่วนมากในเครื่องฟอกอากาศจะมีไส้กรองใส่มาให้ 3 ประเภทคือไส้กรองแบบปกติ ไส้กรอง HEPA ที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก ไส้กรองคาร์บอนที่สามารถกรองกลิ่นได้ นอกจากนี้ยังมีไส้กรองพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไส้กรองเกสรดอกไม้ ไส้กรองสารเคมี เป็นต้น การเลือกซื้อเครื่องกรองอากาศจึงจำเป็นดูในเรื่องของไส้กรองด้วย
- เลือกระดับเสียงของการทำงาน เครื่องฟอกอากาศนั้นทำงานด้วยการดูดอากาศเข้าไปในเครื่องด้วยมอเตอร์ ทำให้ในระหว่างการทำงานจะมีเสียงของมอเตอร์ ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศจึงควรเลือกเครื่องที่ไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนที่มากเกินไปในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีของเครื่องฟอกอากาศก็พัฒนาไปไกลทำให้เครื่องรุ่นใหม่ๆ มีเสียงค่อนข้างเงียบ
- เลือกระบบการทำงานของเครื่องให้เหมาะสม เพราะว่าในเครื่องหอกอากาศนั้นมีระบบต่างๆ แถมมาให้มากมาย ซึ่งบางครั้งระบบเหล่านั้นมีมากเกินความจำเป็น ซึ่งการเลือกระบบการทำงานที่เหมาะสมนั้นจะช่วยให้เครื่องอกอากาศไม่ต้องทำงานหนัก ไม่เสียง่าย นอกจากนั้นเครื่องที่มีระบบเยอะๆ จะมีราคาแพงมากกว่าเครื่องที่มีระบบการทำงานเท่าที่จำเป็นนั่นเอง
- เลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถดูแลได้ง่าย อะไหล่เยอะ ระบบลังการขายดี ตามธรรมชาติของเครื่องฟอกอากาศนั้นย่อมมีชิ้นส่วนสึกหรอซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนตามระยะเวลาคือแผ่นกรองอากาศประเภทต่างๆ นั่นเอง ซึ่งแผ่นกรองอากาศเหล่านั้นจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 3 เดือนถึง 1 ปี ดังนั้นการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศควรเลือกซื้อที่มีความทนทาน อะไหล่ต่างๆ สามารถหาได้ง่าย และมีการรับประกันหลังการขายที่ดี