ไรฝุ่นนั้นเรียกได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหาย รวมไปถึงการเกิดอาการภูมิแพ้ เนื่องจากบริเวณที่ไรฝุ่นชอบอาศัยอยู่นั้นคือที่นอน หมอน โซฟา ตุ๊กตา ผ้าห่ม เรียกได้ว่าไรฝุ่นจะมีจำนวนมากที่สุดในห้องนอน วิธีการกำจัดไรฝุ่นให้ได้ผลดีที่สุดคือการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีด้วยเครื่องดูดไรฝุ่น
ลองมาดูกันว่าเครื่องดูดไรฝุ่นสำหรับปี 2022 มีรุ่นไหนบ้างที่ควรหามาใช้งาน
1
HOMU UV Cordless Vacuum Cleaner
จัดการไรฝุ่นอย่างหมดจดด้วยระบบแสง UV
สำหรับ HOMU UV Cordless Vacuum Cleaner เป็นเครื่องดูดไรฝุ่นที่ใช้แสง UV – C ในการจัดการกับไรฝุ่นรวมไปถึงเชื้อโรคอื่นๆ อย่างเช่นเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย เชื้อรา ที่เกาะติดอยู่บนที่นอน หรือสถานที่อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่องแบบไร้สายขนาดพอเหมาะ มีแรงดูด 7,000 Pa ใช้พลังงาน 90 W เก็บฝุ่นด้วยถ้วยกรองที่สามารถถอดมาเปลี่ยน หรือทำความสะอาดได้ง่าย ตัวเครื่องมีความทนทาน แข็งแรง
2
Xiaomi Jimmy Handheld JV11
ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ จัดการไรฝุ่นได้ทุกสภาพพื้นที่
Xiaomi Jimmy Handheld JV11 เป็นเครื่องดูดไรฝุ่นด้วยระบบแสง UV – C อีกหนึ่งรุ่นที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งเครื่องรุ่นนี้มีแรงดูดที่สูง ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา ปราศจากเสียงรบกวนขณะทำงาน สามารถจัดการกับไรฝุ่นในที่ต่างๆ ได้มากถึง 99% โดยมีจุดเด่นเรื่องการใช้งานได้บนพื้นผิวประเภทต่างๆ ได้อย่างหลากหลายนั่นเอง
3
Philips Mite Cleaner FC6230
มาพร้อมไส้กรอง HEPA ที่จัดการไรฝุ่นขนาดเล็กอย่างได้ผล
เครื่องดูดไรฝุ่น Philips Mite Cleaner FC6230 นั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการไรฝุ่นบนพื้นผิวที่อ่อนนุ่มอย่างเช่นที่นอน หมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตา โดยเฉพาะ เพราะว่าเครื่องรุ่นนี้มาพร้อมกับมอเตอร์ดูดกำลังสูงขนาด 450 W ระบบปล่อยแสง UV – C ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Philips และไส้กรอง HEPA 12 ซึ่งดักจับไรฝุ่นขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าจะจัดการไรฝุ่น รวมไปถึงเชื้อโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
4
Mister Robot Bed Vacuum Cleaner
ดูดเร็ว ดูดแรง กำจัดไรฝุ่นลึกถึงใยผ้า
สำหรับ Mister Robot Bed Vacuum Cleaner เป็นเครื่องดูดไรฝุ่นระบบ UV ใช้มอเตอร์ที่ทรงพลังขนาด 500 W ทำให้การดูดไรฝุ่นนั้นทำได้ละเอียดลึกถึงระดับใยผ้า พร้อม EXTRA LARGE VIBRATOR TAB ที่จะสั่นให้ไรฝุ่นลอยตัวขึ้นมาเพื่อการทำความสะอาดที่ง่าย นอกจากนี้ยังมี LARGE UV LIGHT BULB ขนาด 135 มิลลิเมตรที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ Multi Layers Filters ที่ช่วยทำให้อากาศสะอาดขึ้นในระหว่างการใช้งานอีกด้วย
5
SHIMONO Bed Cleaner B702
เครื่องดูดไรฝุ่นที่ช่วยลดอาการภูมิแพ้ ผื่นคัน
SHIMONO Bed Cleaner B702 เป็นเครื่องดูดไรฝุ่นที่ทำงานได้ 2 ระบบคือการดูดไรฝุ่น และฆ่าเชื้อด้วยแสง UV สำหรับการดูดไรฝุ่นนั้นเครื่องรุ่นนี้ในพลังงาน 500 W ทำให้สามารถดูดไรฝุ่นได้แรงมาก มีสายไฟยาว 5 เมตรช่วยให้การทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีหลอด UV ที่จะช่วยในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ และแถบไฟฟ้าสถิตที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดไรฝุ่น ซึ่งจะช่วยลดการเกิดอาการภูมิแพ้ และอาการคันอย่างได้ผล
6
IRIS OHYAMA
เครื่องดูดไรฝุ่นขนาดเล็กที่คุณภาพไม่เล็ก
IRIS OHYAMA เป็นเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กกะทัดรัดด้วยน้ำหนักเพียง 1.6 กิโลกรัม แต่ความสามารถในการกำจัดไรฝุ่นนั้นไม่เล็กเลย ไม่ว่าจะเป็นระบบลมหมุนแบบไซโคลนที่จะช่วยดูดไรฝุ่นได้ถึง 98% มีการสั่น 6,000 ครั้ง / นาที เพื่อให้ไรฝุ่นลอยตัวขึ้นมาเพื่อที่จะดูดได้อย่างเต็มที่ มีเซนเซอร์ตรวจจับไรฝุ่นพร้อมไฟแสดงสถานะ
7
Brother DCP-T510W Refill Tank System
เครื่องปริ้นเตอร์ All-in-One ไร้สาย เติมหมึกง่ายด้วยช่องหมึกแยกสี
Brother DCP-T510W Refill Tank System จัดการเอกสารง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อแบบไร้สายสามารถสั่งงานผ่านมือถือได้โดยตรง ด้วยความละเอียดสูงสุด 1,200 x 6,000dpi เติมหมึกง่าย มีช่องเติมหมึกแยกสีชัดเจน ความเร็วการพิมพ์ขาวดำ 12 แผ่นต่อนาที พิมพ์สี 6 แผ่นต่อนาที ด้วยความละเอียด 1,200 x 6,000dpi ถ่ายเอกสารย่อขยายได้ รองรับ Google Print ที่สั่งพิมพ์ได้จากทุกแห่งในโลก หมดกังวลด้วยระบบบำรุงรักษาอัตโนมัติ
8
Xiaomi Deerma Dust Mites Vacuum Cleaner CM800
เพิ่มความสามารถในการดักไรฝุ่นด้วยแผ่นกรอง 2 ชั้น
สำหรับ Xiaomi Deerma Dust Mites Vacuum Cleaner CM800 เป็นเครื่องดูดไรฝุ่นที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม แต่การทำงานก็เต็มไปด้วยประสิทธิภาพเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความแรงของการดูดระดับ 13,000 Pa ทำให้สามารถดูดไรฝุ่นที่ฝังลึกได้เป็นอย่างดี ระหว่างการทำงานจะปล่อยความร้อน 50 องศาออกมาด้วยเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อต่างๆ นอกจากนั้นยังมีแผ่นกรอง 2 ชั้นเพื่อเก็บไรฝุ่น และฝุ่นต่างๆ ได้อย่างหมดจด
9
MBK iNTENICE
มีระบบระบายความร้อนที่ดี ช่วยให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
MBK iNTENICE เป็นเครื่องดูดไรฝุ่นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าเครื่องรุ่นนี้มีระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาให้สามารถระบายความร้อนได้รวดเร็ว เมื่อใช้งานต่อเนื่องจะไม่เกิดปัญหาเครื่องร้อนนั่นเอง อีกทั้งยังสามารถจัดการกับไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยแสง UV ที่ลงไปได้ลึก ทำให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
10
SUPOR UV Cleaner
ดูดไรฝุ่นได้เร็วมาก กำจัดได้ถึง 99.9%
สำหรับ SUPOR UV Cleaner เป็นเครื่องดูดไรฝุ่นขนาดเล็ก แต่มีกำลังดูดสูงสุดถึง 10,000Pa พร้อมระบบการสั่นถึง 32,000 ครั้ง / วินาที พร้อมรังสี UV สำหรับช่วยในการฆ่าเชื้อโรค ทำให้สามารถจัดการกับไรฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนไส้กรองภายในนั้นใช้เป็นไส้กรอง HEPA แบบ 4 ขั้นตอน เรียกได้ว่าไม่ว่าไรฝุ่นจะอยู่บริเวณไหนก็สามารถจัดการได้ถึง 99.9%
วิธีการเลือกซื้อเครื่องดูดไรฝุ่น
- เลือกตามลักษณะการใช้งาน สำหรับการเลือกเครื่องดูดไรฝุ่นนั้นลักษณะการใช้งานที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องแรกที่ควรนำมาพิจารณา เนื่องจากเครื่องดูดไรฝุ่นมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันไปบ้างในแต่ละรุ่น ซึ่งรูปแบบการใช้งานที่ควรนำมาพิจารณาคือจะใช้ดูดไรฝุ่นเฉพาะที่ หรือใช้งานอเนกประสงค์ เพราะเครื่องดูดไรฝุ่นแบบใช้งานเฉพาะที่นั้นจะถูกออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องนอนโดยเฉพาะ ส่วนเครื่องดูดไรฝุ่นแบบอเนกประสงค์จะสามารถใช้งานเป็นเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปได้ด้วย
- เลือกด้วยระบบจ่ายไฟ เครื่องดูดไรฝุ่นในปัจจุบันนั้นมีระบบจ่ายไฟอยู่ 2 ประเภทคือการจ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ภายในตัวเครื่องที่เรียกว่าแบบไร้สาย กับการจ่ายไฟผ่านสายไฟ ซึ่งการเลือกใช้งานควรดูจากรูปแบบการใช้งานเป็นหลักว่าใช้งานเป็นเวลานานหรือไม่ บริเวณที่ต้องการใช้งานมีปลั๊กไฟหรือไม่ เพราะเครื่องดูดไรฝุ่นแบบไร้สายนั้นระยะเวลาการทำงานจะทำได้ไม่นานมาก ดังนั้นการเลือกเครื่องดูดฝุ่นแต่ละประเภทต้องคำนึงถึงระบบการให้พลังงานด้วย
- เลือกด้วยกำลังในการดูด สำหรับพละกำลังในการดูดของเครื่องดูดไรฝุ่นนั้นจะมีหน่วยที่เรียกว่าปาสคาล(Pa) ถ้าเครื่องดูดไรฝุ่นรุ่นไหนที่มีค่า Pa สูงก็จะสามารถดูดไรฝุ่นได้แรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการเลือกเครื่องดูดไรฝุ่นควรเลือกที่ค่า Pa ตั้ง 10,000 ขึ้นไป
- น้ำหนักต้องเหมาะสม สำหรับการใช้งานเครื่องดูดไรฝุ่นนั้นถ้าตัวเครื่องมีน้ำหนักมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าได้ ดังนั้นการเลือกเครื่องดูดไรฝุ่นมาใช้งานควรดูในเรื่องน้ำหนักของเครื่องด้วย ซึ่งเครื่องดูดไรฝุ่นในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา น้ำหนักของเครื่องดูดไรฝุ่นที่เหมาะสมนั้นไม่ควรมีน้ำหนักเกิน 3 กิโลกรัม
- เลือกที่การรับประกัน และบริการหลังการขาย เครื่องดูดไรฝุ่นนั้นเหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่จำเป็นต้องพิจารณาถึงการรับประกัน และบริการหลังการขาย โดยเฉพาะเครื่องดูดไรฝุ่นนั้นจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืองอย่างเช่นแผ่นกรอง ถังเก็บฝุ่น ตามระยะเวลาที่เหมาะสม ดังนั้นการเลือกแบรนด์ที่มีบริการหลังการขายที่ดี อะไหล่ต่างๆ ราคาไม่แพง ก็จะช่วยให้การใช้งานที่ดูดไรฝุ่นเป็นไปด้วยความสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะหาอะไหล่ไม่ได้นั่นเอง