เครื่องชงกาแฟสด

10 สุดยอดเครื่องชงกาแฟสด ยี่ห้อไหนดี ที่คุณต้องมีประจำปี 2022

สำหรับกาแฟนั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีผู้นิยมดื่มมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งบรรดาคอกาแฟทั้งหลายนั้นถ้ามีเวลาย่อมต้องการที่ชงกาแฟประเภทต่างๆ ด้วยตัวเองโดยเฉพาะกาแฟแก้วแรกในตอนเช้า ซึ่งเครื่องชงกาแฟสดจึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยจัดการเรื่องนี้เพื่อให้เหล่าคอกาแฟได้มีความสะดวกในการชงกาแฟสดดื่มเองมากยิ่งขึ้น

ลองมาดูกันว่า 10 เครื่องชงกาแฟสดที่ควรมีไว้ใช้งานสำหรับปี 2022

1

Electrolux ECM1303W

รักษาอุณหภูมิกาแฟได้นาน ไม่ทำให้เสียรสชาติ

สำหรับ Electrolux ECM1303W เป็นเครื่องชงกาแฟสดแบบดริปที่มีราคาไม่สูง เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งภายในบ้าน และภายในสำนักงาน เนื่องจากตัวหม้อต้มนั้นสามารถบรรจุได้ถึง 1 ลิตร หรือ 15 แก้วเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบอุ่นอัตโนมัติที่จะช่วยไม่ให้กาแฟเย็นจนเสียรสชาติ รวมไปถึงระบบป้องกันน้ำหยดที่จะช่วยไม่ให้กาแฟหยดเลอะเทอะอีกด้วย เครื่องรุ่นนี้ใช้กำลังไฟสูงสุดเพียง 870 W เท่านั้น


2

Nespresso Inissia D Range

เครื่องชงกาแฟสดแบบแคปซูลที่มีกลิ่นให้เลือกมากถึง 29 กลิ่น

Nespresso Inissia D Range เป็นเครื่องชงกาแฟสดแบบแคปซูลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอีก 1 รุ่น เนื่องจากสามารถใช้งานได้สะดวก และมีแคปซูลให้เลือกถึง 29 กลิ่นเลยทีเดียว โดยเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ให้แรงดัน 29 Bar และยังสามารถทำความร้อนได้อย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียง 25 วินาทีเท่านั้น ทำให้การชงกาแฟจะใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที นอกจากนี้ยังมีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติที่จะตัดการทำงานภายใน 9 นาทีเมื่อไม่มีการใช้งาน


3

Edoolffe JIALEMEI

ตีฟองนมได้นุ่มละมุน สร้างเมนูต่างๆ ได้มากมาย

สำหรับ Edoolffe JIALEMEI นั้นเป็นเครื่องชงกาแฟสดขนาดกะทัดรัดที่เหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้าน ใช้งานง่าย ส่วนคุณสมบัติพิเศษที่มีมาด้วยคือที่ตีฟองนมแบบหมุนทำให้สามารถตีฟองนมได้นุ่มละมุน เนียนละเอียด ทำให้การสร้างสรรค์เครื่องดื่มเมนูต่างๆ ทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวเครื่องใช้แรงดัน 5 Bar มีระบบอุ่นกาแฟอัตโนมัติ


4

OTTO CM-025A

เหมาะสำหรับมือใหม่ด้วยราคาที่ประหยัด

OTTO CM-025A เป็นเครื่องชงกาแฟสดที่เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มชงกาแฟสดด้วยตัวเอง เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้มีราคาไม่สูง แต่สามารถชงกาแฟได้ดี รวมไปถึงการที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกด้วย เครื่องรุ่นนี้มีความจุ 0.6 ลิตร สามารถชงกาแฟได้สูงสุดครั้งละ 5 แก้ว ใช้กำลังไฟ 550 W ผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย

5

Duchess CM5300

ไม่ว่าจะเป็นกาแฟประเภทไหนเครื่องนี้เอาอยู่

สำหรับ Duchess CM5300 เป็นเครื่องชงกาแฟสดที่สามารถชงกาแฟได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการชงกาแฟแบบแคปซูล กาแฟบด รวมไปถึงมีระบบไอน้ำสำหรับการทำฟองนมได้นุ่มฟู เครื่องรุ่นนี้ใช้กำลังไฟ 1050 W แรงดันน้ำ 20 Bar มีความจุของถังน้ำ 1.5 ลิตร น้ำหนักเครื่องรวม 3.8 กิโลกรัม ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนาน

6

ETZEL SN-203

ช่วยการชงกาแฟนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด

เครื่องชงกาแฟสด ETZEL SN-203 นั้นจะช่วยให้การชงกาแฟนั้นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการชงกาแฟประเภทต่างๆ ชงชา ตีฟองนม เรียกว่าเครื่องเดียวทำได้ครบหมด ควบคุมการทำงานได้ง่ายจากปุ่มกดอัตโนมัติ พร้อมไฟแจ้งเตือนสถานการณ์ทำงาน พร้อมระบบไอน้ำเพื่ออุ่นเครื่องดื่มแก้วโปรดให้ร้อนอยู่เสมอด้วย ตัวเครื่องมีความแข็งแรง ทำความสะอาดได้ง่าย

7

MINIMEX Minipresso NS

เครื่องชงกาแฟสดที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่

สำหรับ MINIMEX Minipresso NS เป็นเครื่องชงกาแฟที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ เนื่องจากจุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้คือมีขนาดเล็กเท่ากับกระติกน้ำแบบพกพาเท่านั้น การใช้งานก็ทำได้แสนง่ายเพียงแค่วางแคปซูลของ Nespresso ลงไปในบริเวณที่กำหนดไว้ จากนั้นใช้มือค่อยๆ กดปุ่มตรงกลางเพื่อดันกาแฟในแคปซูลให้ไหลออกมา จากนั้นกาแฟก็จะค่อยๆ ไหลลงไปในแก้ว

8

De’Longhi Dedica EC685.BK

แข็งแรง ทนทาน ตอบสนองความต้องการทุกรูปแบบ

De’Longhi Dedica EC685.BK เป็นเครื่องชงกาแฟสดที่ได้ชื่อว่ามีความแข็งแรง ทนทาน ตัวเครื่องทำมาจากสเตนเลสคุณภาพสูงที่เคลือบสารกันรอยขีดข่วน ส่วนความสามารถในการทำกาแฟก็เรียกได้ว่าดีเยี่ยม มีระบบ Thermoblock ที่ทำความร้อนได้เร็ว พร้อมระบบปรับอุณหภูมิอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เครื่องรุ่นนี้สามารถชงกาแฟได้อย่างต่อเนื่อง ชงกาแฟได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นกาแฟผง หรือกาแฟแบบแคปซูล ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย

9

SKG SK-1204

มาพร้อมระบบเมล็ดกาแฟในตัว

สำหรับ SKG SK-1204 นั้นเป็นเครื่องชงกาแฟสดที่มีระบบบดเมล็ดกาแฟติดตั้งมาให้ตัวเครื่อง ซึ่งการบดแบบ Flat Burr ที่จะช่วยดึงรสชาติที่เข้มข้นของกาแฟออกมาได้เป็นอย่างดี การบดสามารถทำได้ 2 แบบคือการบดหยาบ และการบดละเอียด มีระบบอุ่นกาแฟได้นานถึง 40 นาที บรรจุน้ำได้ 0.6 ลิตร ชงกาแฟได้มากสุด 6 แก้วต่อครั้ง อุปกรณ์ต่างๆ สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย มีถังดักกากกาแฟ 

10

KRUPS Piccolo XS KP1A08

พร้อมเสิร์ฟกาแฟสดภายใน 40 วินาที

KRUPS Piccolo XS KP1A08 เป็นเครื่องชงกาแฟสดแบบแคปซูลที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่เปลืองเนื้อที่ พร้อมแคปซูลถึง 13 รสชาติ โดยเครื่องรุ่นนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ความรวดเร็วในการชงกาแฟด้วยเทคโนโลยี Thermo block ที่ทำให้เครื่องพร้อมเสิร์ฟกาแฟด้วยเวลาเพียง 40 วินาที นอกจากนี้ยังไม่ต้องห่วงเรื่องการลืมปิดเครื่อง เพราะมีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติภายใน 1 นาทีหากไม่มีการทำงาน ถาดรองแก้วปรับได้ 3 ระดับเพื่อรองรับแก้วที่มีขนาดแตกต่างกันได้

วิธีการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟสด

  • เลือกจากประเภทของเครื่องชงกาแฟ สำหรับการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟสดนั้นประเภทของเครื่องชงนั้นคือสิ่งแรกที่จะต้องนำมาพิจารณา ซึ่งเครื่องชงกาแฟที่ได้รับความนิยมในการใช้งานจะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ 
    • เครื่องชงกาแฟแบบดริป ซึ่งเป็นเครื่องชงกาแฟที่ได้รับความนิยมตามบ้านมากที่สุดในปัจจุบัน วิธีการทำงานเพียงแค่ตักผงกาแฟที่บดเรียบร้อยแล้ววางลงไปบนกระดาษกรอง แล้วเปิดให้น้ำร้อนไหลผ่าน เพียงเท่านี้ก็จะได้กาแฟสดสำหรับดื่ม 
    • เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล สำหรับเครื่องชงกาแฟสดแบบแคปซูลนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพราะว่าการทำงานของเครื่องรูปแบบนี้จะใช้เวลาน้อยมาก เพียงแค่นำแคปซูลไปวางไว้ในที่ที่กำหนด จากนั้นกดปุ่มให้เครื่องทำงาน เพียง 1 นาทีก็จะได้กาแฟสดพร้อมดื่ม และการใช้เครื่องชงกาแฟสดแบบแคปซูลมีข้อดีอีกหนึ่งอย่างคือมีรสชาติของกาแฟให้เลือกหลากหลาย 
    • เครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ เป็นเครื่องชงกาแฟสดอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน เครื่องรุ่นนี้สามารถทำงานได้ทั้งแบบ Auto คือเครื่องจำทำทุกขั้นตอนตั้งแต่บดเมล็ดกาแฟจนกระทั่งชงกาแฟเสร็จพร้อมดื่ม เพียงแค่เราเป็นคนใส่เมล็ดกาแฟเข้าไปเท่านั้น ส่วนแบบ Manual คือต้องใส่ผงกาแฟเข้าไป และทำขั้นตอนต่างๆ ด้วยตัวเอง โดยเครื่องประเภทนี้สามารถชงกาแฟ และเครื่องดื่มต่างๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เป็นเครื่องที่นิยมใช้ตามร้านกาแฟ 
  • เลือกจากขนาดของเครื่องชงกาแฟ สำหรับเครื่องชงกาแฟที่จะนำมาใช้ภายในบ้านนั้นต้องเป็นเครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถวางไว้ในบริเวณที่ต้องการได้โดยไม่เกะกะ เพราะการใช้งานภายในบ้านอาจจะชงเพียงวันละไม่กี่แก้ว จึงไม่จำเป็นต้องหาเครื่องที่มีขนาดใหญ่มาใช้งาน ส่วนถ้าเป็นการใช้งานในรูปแบบของร้านกาแฟที่ต้องชงวันละหลายสิบ ไปจนถึงหลายร้อยแก้ว ควรเลือกเครื่องชงกาแฟสดขนาดใหญ่เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง 
  • ต้องทำความสะอาดได้ง่าย เครื่องชงกาแฟสดนั้นเมื่อใช้งานเรียบร้อยจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดทุกครั้ง การเลือกเครื่องชงกาแฟสดมาใช้งานควรดูว่าชิ้นส่วนต่างๆ ที่จำเป็นต้องทำความสะอาดนั้นสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่ายหรือไม่ และที่สำคัญชิ้นส่วนต่างๆ ควรมีความแข็งแรงทนทาน 
  • เลือกจากระบบการทำงาน เครื่องชงกาแฟสดในปัจจุบันนั้นมีระบบการทำงานต่างๆ เพิ่มเข้ามาเพื่อให้การชงกาแฟทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเพิ่มความปลอดภัยด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติ ระบบบดเมล็ดกาแฟ ระบบตีฟองนม รวมไปถึงระบบตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานในเวลาที่กำหนดเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ดังนั้นการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟสดควรพิจารณาถึงระบบต่างๆ เหล่านี้ด้วย

คำถามที่พบบ่อยของเครื่องชงกาแฟสด

สำหรับคอกาแฟนั้นการมีเครื่องชงกาแฟสดไว้ใช้งานนั้นมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกรวดเร็วเมื่อคุณอยากดื่มกาแฟ เพราะการมีเครื่องชงกาแฟสดไว้ในบ้านทำให้สามารถดื่มกาแฟสดได้ตลอดเวลาที่ต้องการ และไม่จำเป็นต้องเสียเวลาออกไปหาซื้อกาแฟนอกบ้านนั่นเอง นอกจากนั้นการมีเครื่องชงกาแฟสดยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย เพราะถ้าต้องดื่มกาแฟทุกวันการชงกาแฟดื่มเองจะช่วยประหยัดเงินได้มากกว่าการไปซื้อกาแฟตามร้านอย่างแน่นอน

เครื่องชงกาแฟสดแบบพกพานั้นคือเครื่องชงกาแฟที่สามารถพกพาไปใช้งานยังสถานที่ต่างๆ ได้ง่าย อย่างเช่นการนำไปใช้ในกิจกรรมกลางแจ้งประเภทต่างๆ โดยเครื่องชงกาแฟประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก พกพาสะดวก มีทั้งแบบที่ใช้ไฟฟ้า และไม่ไฟฟ้า ใช้งานได้สะดวกรวดเร็วไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก ทำให้เครื่องชงกาแฟสดแบบพกพาได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

สำหรับการชงกาแฟสดครั้งแรกด้วยเครื่องนั้นเป็นเรื่องปกติที่กาแฟนั้นจะมีกลิ่นผิดปกติไปจากเดิม เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของกาแฟนั้นคือสามารถดูดกลิ่นต่างๆ รอบตัวเข้ามาได้นั่นเอง การใช้งานเครื่องชงกาแฟสดครั้งแรกนั้นตัวเครื่องจะมีกลิ่นใหม่ หรือกลิ่นอื่นๆ ติดอยู่ค่อนข้างเยอะ ทำให้การชงในครั้งแรกเมล็ดกาแฟจะดูดกลิ่นเหล่านั้นเข้ามาทำให้กาแฟที่ได้มีกลิ่นผิดปกตินั่นเอง ซึ่งไม่ต้องตกใจเพราะเมื่อชงไปประมาณ 2 – 3 ครั้งกลิ่นผิดปกติเหล่านั้นก็จะหายไป กาแฟที่ได้ก็จะมีกลิ่นหอมตามแบบที่ควรเป็น

Scroll to Top