อาหารเสริมบํารุงเลือด

10 อาหารเสริมบำรุงเลือด ยี่ห้อไหนดี ที่คุณต้องมีปี 2022

ในระบบร่างกายของคนเรานั้นมีของเหลวเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ซึ่งของเหลวที่สำคัญต่อทุกระบบในร่างกายนั้นคือ “เลือด” นั่นเอง เพราะว่าเลือดจะทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหาร และออกซิเจนไปขับเคลื่อนการทำงานของร่างกาย รวมไปถึงช่วยจัดการกับสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ภายในร่างกายอีกด้วย แต่ระบบเลือดก็อาจจะมีการทำงานที่ผิดปกติได้ถ้าหากขาดการดูแลที่ดีพอ อาหารเสริมบำรุงเลือด จึงจำเป็นต่อร่างกายของเรา

ลองมาดูกันว่าอาหารเสริมบำรุงเลือดแบรนด์ไหนบ้างที่ควรหามาใช้งานสำหรับปี 2022

1

DHC Heme Iron 

ช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับ DHC Heme Iron เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดแบบแคปซูลจากประเทศญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ปัญหาในเรื่องระบบไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงผู้ที่มีประจำเดือน มีภาวะโลหิตจาง มีอาการเวียนหัว หน้ามืด ซึ่งอาหารเสริมตัวนี้มีธาตุเหล็กในปริมาณสูง และสามารถดูดซึมได้ดีกว่าปกติ 5 – 10 เท่า ด้วยการเสริมกรดโฟลิค และวิตามิน B12 การผลิตผ่านมาตรฐาน GMP จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยในกระบวนการผลิตอย่างแน่นอน


2

Haemovit 

อาหารเสริมบำรุงเลือดที่คนไทยไว้วางใจมาอย่างยาวนาน 

Haemovi เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาหารเสริมตัวนี้มีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงระบบไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ช่วยบำรุงระบบประสาท ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากอาการเมื่อยล้า รวมไปถึงผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง ส่วนผสมที่สำคัญในอาหารเสริมตัวนี้คือ วิตามินบี 1 / วิตามินบี6 / วิตามินบี 12 ซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงเลือดได้เป็นอย่างดี


3

Nature’s Way Kids Smart Iron 

รสหวาน ทานง่าย เหมาะสำหรับเด็ก 

สำหรับ Nature’s Way Kids Smart Iron เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดที่เหมาะสำหรับเด็ก เนื่องจากอาหารเสริมตัวนี้เป็นรูปแบบของขนมเยลลี่รสสตอเบอรี่ รสหวาน ทานง่าย แต่เพียงพร้อมไปด้วยคุณประโยชน์ในการเสริมธาตุเหล็กเพื่อบำรุงระบบไหลเวียนของเลือด ไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็กที่มีปริมาณเหมาะสมสำหรับเด็ก รวมไปถึงวิตามิน C อีกด้วย ข้อควรระวังของอาหารเสริมตัวนี้คือควรใช้กับเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 


4

Solaray® Copper 2 mg

เสริมทองแดงเพื่อปรับสมดุลให้ระบบเลือด 

Solaray® Copper 2 mg เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดที่เน้นในเรื่องการปรับสมดุลของระบบเลือดให้มีความสมบูรณ์ด้วยการเสริม Copper Amino Acid Chelate Complex ขนาด 2 mg ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้ธาตุเหล็กเข้าสู่กระแสเลือดได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยกระตุ้นกระบวนการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดีเนื่องจากสามารถช่วยสร้างเนื้อเยื่อ สร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้อีกด้วย

5

Maxxlife Iron Amino Acid Chelate

เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากถึง 80% 

สำหรับ Maxxlife Iron Amino Acid Chelate เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ เนื่องจากอาหารเสริมตัวนี้เสริมธาตุเหล็กเข้าร่างกายในรูปแบบของ Amino Acid Chelate ที่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นได้ถึง 80% ทำให้มีปริมาณธาตุเหล็กที่เพียงพอต่อการดูแลระบบเลือดนั่นเอง และอาหารเสริมตัวนี้นอกจากจะช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงแล้วนั้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสารอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการอีกด้วย

6

Nature Made Iron 65 mg 

อาหารเสริมบำรุงเลือดมาตรฐานสหรัฐอเมริกา 

Nature Made Iron 65 mg เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดที่นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจุดเด่นของอาหารเสริมตัวนี้คือมีความปลอดภัยสูง ไม่มีส่วนผสมของกลูเตน ไม่มีการผสมสีสังเคราะห์ ไม่มีการแต่งรสชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ได้ง่าย มีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง เนื่องจากมีธาตุเหล็กในปริมาณที่สูง ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง เสริมสร้างภูมิต้านทานต่างๆ ให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

7

Now Foods Iron 18 mg

เพิ่มธาตุเหล็ก ลดอาการอ่อนเพลีย 

สำหรับ Now Foods Iron 18 mg เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดอีกหนึ่งตัวที่นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้สามารถมั่นใจได้เรื่องของมาตรฐานการผลิต และความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งอาหารเสริมตัวนี้จะเน้นไปที่การเสริมธาตุเหล็กเข้มข้นเพื่อให้การบำรุงเลือดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยลดอาการอ่อนเพลียที่เกิดจาดระบบไหลเวียนโลหิตไม่สะดวก

8

HERBAL ONE 

ให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกด้วยสารสกัดดอกคำฝอย 

HERBAL ONE เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดที่มีส่วนผสมหลักมาจากดอกคำฝอย ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณในการละลายไขมันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งสารสกัดของดอกคำฝอยนั้นอุดมไปด้วยสาร Carthamin และกรดไลโนเลอิก จะเข้าไปช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด รวมไปถึงสลายคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้

9

Swisse Ultiboost Iron Supplement 

อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 

สำหรับ Swisse Ultiboost Iron Supplement เป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดอีกหนึ่งตัวที่มีสรรพคุณมากกว่าการบำรุงระบบเลือด เนื่องจากอาหารเสริมตัวนี้ได้รับการผสมสารอาหารประเภทอื่นๆ ที่จำเป็นในการบำรุงร่างกายเข้ามาด้วยอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Iron Amino Acid Chelate / Hawaiian Spirulina / Vitamin C / Vitamin B6 และ Betacarotene ซึ่งสารอาหารทั้งหมดจะทำงานอย่างสอดคล้องกันทำให้ระบบเลือด และระบบต่างๆ ในร่างกายมีความสมบูรณ์ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี

10

Giffarine Nutri Folic 

ทางเลือกที่ดีในการบำรุงเลือด 

Giffarine Nutri Folic เรียกได้ว่าเป็นอาหารเสริมบำรุงเลือดแบบทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหากับธาตุเหล็ก เนื่องจากอาหารเสริมตัวนี้ให้สรรพคุณบำรุงเลือดที่มาจากวิตามินซีแบบเข้มข้น และกรดโฟลิค ซึ่งสารสกัดทั้ง 2 ประเภทนี้ก็มีส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแรงให้กับระบบเลือดของร่างกายโดยไม่จำเป็นต้องใช้ธาตุเหล็กนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีวิตามินประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 1 / วิตามินบี 6 / วิตามินบี 12 ที่ช่วยบำรุงระบบต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการเลือกซื้ออาหารเสริมบำรุงเลือด

  • เลือกจากคุณสมบัติในการบำรุงเลือด สำหรับอาหารเสริมบำรุงเลือดนั้นมีสารอาหารหลากหลายประเภทที่มีคุณสมบัติในการบำรุงเลือด โดยสารอาหารที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย และมีการยอมรับว่าช่วยบำรุงเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นคือ ธาตุเหล็ก วิตามินบีรวม กรดโฟลิค และทองแดง ซึ่งการเลือกใช้อาหารเสริมบำรุงเลือดก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมนั่นเอง โดยสารอาหารแต่ละประเภทก็มีสรรพคุณดังนี้ 
  • ธาตุเหล็ก สำหรับธาตุเหล็กนั้นจัดว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดง ซึ่งการใช้อาหารเสริมบำรุงเลือดแบบที่เน้นเสริมธาตุเหล็กนั้นเหมาะสมกับผู้ที่มีภาวะผิดปกติของเลือด / ผู้ที่มีประจำเดือน เพื่อที่จะช่วยเสริมธาตุเหล็กเข้าสู่ระบบเลือดได้อย่างรวดเร็ว 
  • วิตามินบีรวม คุณประโยชน์ของวิตามินบีรวมที่มีต่อระบบเลือดคือจะช่วยให้การไหลเวียนของระบบเลือดทำได้ดีขึ้น ซึ่งวิตามินบีรวมคือการรวมวิตามินบีตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไปเพื่อเพิ่มสรรพคุณในการบำรุงระบบไหลเวียนของเลือดนั่นเอง 
  • กรดโฟลิค (Folic Acid) กรดโฟลิคนั้นมีสรรพคุณในการเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการช่วยพัฒนาระบบประสาทอีกด้วย โดยอาหารเสริมบำรุงเลือดที่มีกรดโฟลิคสูงนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะขาดเม็ดเลือดแดงนั่นเอง 
  • ทองแดง (Copper) สำหรับสารอาหารตัวนี้ในอาหารเสริมบำรุงเลือดนั้นมีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งธาตุเหล็กเข้าไปยังระบบเลือด ช่วยให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กได้มากขึ้น 
  • เลือกส่วนผสมที่มีความปลอดภัย การเลือกอาหารเสริมบำรุงเลือดเพื่อนำมาใช้งานนั้น สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างมากคือเรื่องของความปลอดภัยนั่นเอง ดังนั้นการเลือกอาหารเสริมบำรุงเลือดควรเลือกอาหารเสริมที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลักเพื่อลดผลข้างเคียงที่จะอาจจะเกิดขึ้นได้ นอกจากนั้นควรเลือกอาหารเสริมบำรุงเลือดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน GMP ที่แสดงถึงการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงมาตรฐาน อย. ที่แสดงถึงความปลอดภัยในการใช้นั่นเอง 
  • เลือกให้เหมาะสมกับสุขภาพ อาหารเสริมบำรุงเลือดนั้นประกอบด้วยสารสกัดหลากหลายประเภท ซึ่งสารสกัดบางประเภทนั้นอาจจะไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ดังนั้นก่อนที่จะเลือกอาหารเสริมบำรุงเลือดมาทานควรศึกษาถึงส่วนประกบของอาหารเสริมตัวนั้นให้รอบคอบ หรือถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว เพราะว่าโรคบางชนิดจะส่งผลลข้างเคียงเมื่อทานอาหารเสริมบำรุงเลือด ยกตัวอย่างเช่นโรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) ไม่ควรทานอาหารเสริมบำรุงเลือดที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 5 เนื่องจากจะทำให้เลือดออกง่าย หรือโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) ควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมบำรุงเลือดที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก

คำถามที่พบบ่อยของอาหารเสริมบำรุงเลือด

อาหารเสริมบำรุงเลือดมีให้เลือกทานหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบเม็ด / แบบแคปซูล / แบบเม็ดฟู่ และแบบเยลลี่ ซึ่งอาหารเสริมบำรุงเลือดแบบแคปซูลนั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างจากประเภทอื่นๆ คือจะย่อยสลายในกระเพาะอาหารเท่านั้น ทำให้ไม่มีการสูญเสียปริมาณในขณะที่ผ่านระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถแตกตัวได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีมาในแคปซูลอย่างครบถ้วน และรวดเร็ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารเสริมบำรุงเลือดประเภทอื่นๆ จะมีอายุการเก็บรักษาที่สั้นกว่าเนื่องจากตัวแคปซูลนั้นเสื่อมสภาพได้เร็วกว่านั่นเอง

ในกรณีที่ร่างกายขาดธาตุเหล็กนั้น ร่างกายจะแสดงอาการผิดปกติหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีการหน้ามืดเมื่อต้องใช้แรงอย่างต่อเนื่อง มีอาการเบื่ออาหาร รวมไปถึงจะขาดสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเลือดไม่มีออกซิเจนที่สามารถไปเลี้ยงระบบประสาทได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการเลือดจาง และถ้ามีอาการขาดธาตุเหล็กในสตรีมีครรภ์อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด บุตรที่เกิดมามีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ และอาจจะเกิดอาการแท้งบุตรได้

นอกจากโรคประจำตัวต่างๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารเสริมบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็กแล้วนั้น การทานอาหารบางประเภทก็จะทำให้การทานอาหารเสริมบำรุงเลือดที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็กนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หรือมีอาการข้างเคียงอื่นๆ ตามมา ซึ่งประเภทของอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ นม / นมถั่วเหลือง / ชา / กาแฟ เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กถูกขัดขวาง รวมไปถึงควรทานอาหารเสริมบำรุงเลือดในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการได้รับธาตุเหล็กมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ปวดเกร็งท้อง หรืออาการท้องเสียแบบเฉียบพลัน

แหล่งอ้างอิง

http://www.tnrr.in.th

http://libdoc.dpu.ac.th

https://www.cochranelibrary.com

http://thesis.swu.ac.th

Scroll to Top