การออกกำลังกายนั้นเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เวลาพอสมควรในแต่ละวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การมีกิจกรรมเสริมระหว่างการออกกำลังกายอย่าง การฟังเพลง การฟัง Podcast ต่างๆ จะช่วยให้การออกกำลังนั้นมีความเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น ซึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องนี้คือ “หูฟังออกกำลังกาย” หูฟังประเภทนี้ออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลองมาดูกันว่าในปี 2022 มีหูฟังออกกำลังกายรุ่นไหนบ้างที่ควรหามาใช้
1
Bose SoundSport Wireless
เชื่อมต่อง่าย ใช้งานได้ยาวนาน
สำหรับ Bose SoundSport Wireless เป็นหูฟังออกกำลังกายคุณภาพเยี่ยมจากแบรนด์เครื่องระดับโลกอย่าง Bose ซึ่งมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพเสียง โดยหูฟังรุ่นนี้ถูกออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยว ทันสมัย แต่สามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย กระชับ ไม่ระคายเคือง กันน้ำ กันเหงื่อ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านระบบ Bluetooth ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี NFC แบตเตอรี่มีความทนทาน ใช้งานได้นาน ไม่ต้องชาร์จบ่อย และมีเทคโนโลยี Tangle – Free ซึ่งจะช่วยไม่ให้สายพันกันอีกด้วย
2
BEAT Powerbeat Pro
รูปโดดเด่นสะกดทุกสายตา
BEAT เป็นอีกหนึ่งแบรนด์หูฟังที่หลายๆ คนให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพเสียง และการออกแบบที่โดดเด่น ซึ่ง BEAT Powerbeat Pro เป็นหูฟังออกกำลังกายที่มีการออกแบบโดดเด่น ดึงดูดทุกสายตา การใช้งานทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากมีความกระชับ น้ำหนักเบา ไม่หลุดง่าย กันน้ำ กันเหงื่อ ใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 9 ชั่วโมงเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มที่ มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri สำหรับ iOS
3
Sony Sport Walkman NW-WS623
ฟังเพลงได้แม้ในขณะว่ายน้ำ
สำหรับ Sony Sport Walkman NW-WS623 เป็นหูฟังออกกำลังกายอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างมาเพื่อใช้กับการออกกำลังกายทุกรูปแบบ หูฟังรุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ในความลึก 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที เรียกว่าใส่ว่ายน้ำได้อย่างสบาย มีความกระชับ ไม่หลุดง่าย มาพร้อมเทคโนโลยี dynamic normalizer ที่ช่วยปรับเสียงเพลงให้มีความสมดุล มีปุ่ม ambient sound ที่สามารถตัดเสียงรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมงเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม
4
Sennheiser CX Sport
เชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 2 อุปกรณ์
Sennheiser CX Sport เป็นหูฟังออกกำลังกายสไตล์สปอร์ต ที่สามารถใช้งานร่วมกับการออกกำลังกายได้ทุกประเภท เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 2 เครื่องไม่ว่าจะเป็นระบบ iOS หรือ Android ควบคุมการทำงานไม่ว่าจะเป็นการโทร หรือการฟังเพลงด้วยปุ่มควบคุมเพียง 3 ปุ่ม การออกแบบมีรูปทรงที่กระชับ ไม่รู้สึกรำคาญเวลาสวมใส่ มีความทนน้ำ กันน้ำ กันฝุ่น
5
JBL Endurance Sprint
ก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของหูฟังออกกำลังกาย
สำหรับ JBL Endurance Sprint เป็นหูฟังออกกำลังกายที่ไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณในเรื่องของคุณภาพเสียง เพราะชื่อของ JBL ย่อมมั่นใจได้ โดยฟังรุ่นนี้สามารถใช้กับการออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบเนื่องจากมีมาตรฐาน IPX7 ที่กันน้ำได้ลึกถึง 1.3 เมตร รูปทรงทันสมัย เกี่ยวกระชับกับใบหู ไม่เลื่อนหลุดง่าย แบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 8 ชั่วโมง ชาร์จไฟเพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้ 1 ชั่วโมง
6
Plantronics Backbeat FIT 2100
ทนทาน แข็งแรง ไม่ว่าจะใช้กับกิจกรรมอะไรก็ไม่มีปัญหา
Plantronics Backbeat FIT 2100 เป็นหูฟังออกกำลังกายอีกหนึ่งรุ่นที่ควรหามาไว้ใช้งาน เนื่องจากเป็นหูฟังที่มีความทนทาน แข็งแรง ใช้งานได้ในทุกกิจกรรม ด้วยมาตรฐาน IP57 ทำให้กันน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที ควบคุมการใช้งานด้วยเทคโนโลยี My Tap พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 7 ชั่วโมง ตัวหูฟังมีความเบา กระชับ ยืดหยุ่นได้ดี ไม่เลื่อนหลุดง่าย
7
Jaybird X4 Bluetooth
ให้เสียงคุณภาพระดับ HD
สำหรับ Jaybird X4 Bluetooth เป็นหูฟังออกกำลังกายที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความเพลิดเพลินในการฟังเพลงประเภทต่างๆ ระหว่างการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี เนื่องจากตัวลำโพงให้เสียงคุณภาพระดับ HD สามารถควบคุมระดับเสียง หรือการเปลี่ยนเพลงด้วยโปรแกรม Jaybird ใช้งานขณะว่ายน้ำได้ด้วยมาตรฐาน IPX7 กันน้ำลึก1 เมตรได้นาน 30 นาที เมื่อชาร์จไฟเต็มที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
8
Jabra Elite Sport
หูฟังออกกำลังกายที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
Jabra Elite Sport เป็นหูฟังออกกำลังกายแบบไม่มีสายเชื่อมต่อระหว่างหูฟังสองข้าง แต่ไม่ต้องกลัวเรื่องการตกหล่น เพราะว่าได้รับการออกแบบให้แน่นกระชับกับรูหู พร้อมมาตรฐาน IP67 ที่สามารถกันน้ำ และฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของหูฟังรุ่นนี้คือสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจในขณะออกกำลังกายได้ โดยจะแสดงผลในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่าน Application Jabra Sport Life
9
Sony WF-SP700N
ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับ Sony WF-SP700N เป็นหูฟังออกกำลังกายทรงเม็ดถั่วที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่นของ Sony ซึ่งหูฟังรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้มีคุณภาพเสียงดีเยี่ยม โดยเฉพาะเสียงเบสที่ชัดเจนด้วยระบบ Extra Bass สวมใส่สบาย กระชับ ไม่เลื่อนหลุดง่ายด้วยก้านเกี่ยวที่เข้ารูปกับใบหู มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IPX4 พร้อมระบบ Noise Canceling ที่ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ใช้งานได้ต่อเนื่องนานสุด 8 ชั่วโมง
10
JBL Live200 BT
น้ำหนักเบา รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
JBL Live200 BT เป็นหูฟังออกกำลังกายที่มีน้ำหนักเบา ใช้งานง่ายด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเปิด – ปิดเพลง หรือการเรียกใช้งาน Siri เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง มี ear-tips 3 ขนาดทำให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ตรงกับการใช้งาน อีกทั้งยังพับเก็บได้ง่ายด้วยระบบแถบแม่เหล็ก ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 2 ชั่วโมงด้วยระบบ Quick Charge สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง
วิธีการเลือกซื้อหูฟังออกกำลังกาย
- เลือกตามประเภทของการออกกำลังกาย สำหรับหูฟังออกกำลังกายนั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในขณะที่ออกกำลังกาย แต่หูฟังออกกำลังกายแต่ละรุ่นนั้นมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในเรื่องความทนทาน รวมไปถึงความสามารถในการกันน้ำ กันฝุ่น ดังนั้นการเลือกหูฟังมาเพื่อใช้งานขณะออกกำลังกายต้องดูในเรื่องรูปแบบการออกกำลังกายที่จะทำเป็นประจำด้วย ถ้าเป็นการออกกำลังกายแบบธรรมดาที่หูฟังโดนแค่เหงื่อก็สามารถเลือกใช้งานหูฟังออกกำลังกายแบบธรรมดาได้ ส่วนการออกกำลังกายหนักอย่างเช่นการเดินป่า ปีนเขา ก็ควรเลือกหูฟังที่มาตรฐานในการป้องกันที่สูงขึ้นมา แต่ถ้าต้องการใช้หูฟังในขณะว่ายน้ำก็ต้องเลือกหูฟังที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงเท่านี้ก็จะได้หูฟังออกกำลังที่เหมาะสมกับการออกกำลังกายของเรานั่นเอง
- เลือกที่ความกระชับ ในระหว่างการออกกำลังกายร่างกายย่อมมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ดังนั้นการเลือกหูฟังออกกำลังกายเพื่อมาใช้งานนั้นจำเป็นต้องเลือกหูฟังที่กระชับ ไม่เลื่อนหลุดง่าย เพราะว่าถ้าไม่กระชับแล้วนั้นในขณะที่ออกกำลังกายก็มีโอกาสที่หูฟังจะหลุดออกจากหูได้ค่อนข้างสูง การเลือกหูฟังออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นถ้ามีโอกาสควรไปทดลองสวมใส่ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้รู้ว่าหัวฟังรุ่นนั้นๆ มีความกระชับ และเหมาะสมกับสรีระของหูเราหรือไม่
- เลือกจากการเชื่อมต่อ หูฟังออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนั้นส่วนมากจะเป็นหูฟังไร้สายที่เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth ซึ่งการเลือกซื้อหูฟังนั้นควรคำนึงถึงความสามารถในการเชื่อมต่อด้วย เพราะการออกกำลังกายบางประเภทตัวอย่างเช่นการว่ายน้ำนั้นไม่สามารถนำ Smart phone มาวางไว้ใกล้ๆ การเชื่อมต่อของหูฟังต้องทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระยะทางที่เหมาะสมกับกิจกรรมการออกกำลังกายด้วย และเมื่อเริ่มใช้งานต้องเชื่อมต่อได้สะดวก ไม่ควรเลือกหูฟังที่ต้องตั้งค่าในการเชื่อมต่อยุ่งยากเกินไป
- เลือกจากแบตเตอรี่ สำหรับหูฟังออกกำลังกายแบบไร้สายนั้นความทนของแบตเตอรี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณา หูฟังแต่ละรุ่นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ในระยะเวลาที่ไม่เท่ากัน การเลือกควรเลือกหูฟังที่สามารถใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาที่มากกว่าระยะเวลาการออกกำลังกายปกติอย่างน้อย 2 เท่า ยกตัวอย่างเช่นออกกำลังกายวันละ 2 ชั่วโมง ควรเลือกหูฟังที่ใช้งานได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ทุกวัน
- เลือกจากราคา หูฟังออกกำลังกายมีหลากหลายราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นบาท ดังนั้นการเลือกหูฟังเพื่อมาใช้งานในระหว่างออกกำลังกายควรเลือกระดับราคาที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเลือกหูฟังราคาแพงที่มีคุณภาพมากเกินความจำเป็น แต่ก็ไม่ควรเลือกหูฟังที่มีราคาถูกจนเกินไปเพราะอาจจะได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้อย่างเต็มที่