หม้ออบลมร้อน

10 สุดยอดหม้ออบลมร้อน ยี่ห้อไหนดี ที่คุณต้องมีประจำปี 2022

สำหรับเครื่องครัวที่สามารถช่วยให้การทำอาหารในหลากหลายเมนูซึ่งตามปกติมีความยาก หรือความซับซ้อนให้เสร็จได้อย่างรวดเร็วนั้น “หม้ออบลมร้อน” เป็นเครื่องครัวที่มีความสามารถเหล่านั้นอย่างครบถ้วน เพราะว่าเครื่องครัวประเภทนี้ช่วยให้การทำอาหารเมนูต่างๆ ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเมนูอบ ปิ้ง ย่าง หรือนึ่ง อย่างเช่นหมูกรอบ ไก่ย่าง คอหมูย่าง เป็นต้น

ลองมาดูกันว่าหม้ออบลมร้อนที่น่าใช้สำหรับปี 2022 นั้นมีแบรนด์ไหนกันบ้าง

1

Hanabishi MV-007

สร้างความร้อนได้รวดเร็ว ช่วยให้อาหารเสร็จไว

สำหรับ Hanabishi MV-007 เป็นหม้ออบลมร้อนชนิดที่ตัวหม้อเป็นแบบสเตนเลส กระจายความร้อนด้วยระบบฮาโลเจน ส่วนของฝานั้นเป็นเทมเปอร์กลาสแบบใส ซึ่งนอกจากจะมีความทนทานแล้ว ยังสามารถมองเห็นอาหารขณะที่หม้ออบทำงานอยู่อีกด้วย ซึ่งหม้ออบลมร้อนรุ่นนี้นั้นมีขนาด 36 x 36 x  23 เซนติเมตร ความจุ 12 ลิตร ใช้กำลังไฟ 1,300 W นอกจากจะใช้ทำอาหารยังสามารถใช้ละลายน้ำแข็งได้อีกด้วย


2

Otto HALOGEN

ทำอาหารได้หลากหลายเมนูโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน

Otto HALOGEN เป็นหม้ออบลมร้อนระบบฮาโลเจนความจุ 12 ลิตร กำลังไฟ 1,300 W ซึ่งจุดเด่นของหม้ออบรุ่นนี้คือระบบกระจายความร้อนด้วยฮาโลเจนทำให้การทำอาหารเมนูต่างๆ นั้นเร็วกว่าการใช้เตาอบธรรมดา 3 – 5 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งการใช้หม้ออบลักษณะนี้ทำอาหารนั้นทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเลย อีกทั้งยังสามารถทำอาหารได้หลากหลายเมนูอีกด้วย


3

FINEXT AH-D12

ใช้ขดลวดคุณภาพสูงให้ความร้อนได้ถึง 250 องศา

สำหรับ FINEXT AH-D12 เป็นหม้ออบลมร้อนที่ใช้ระบบขดลวดให้ความร้อน ทำให้สามารถสร้างความร้อนได้สูงถึง 250 องศาเลยทีเดียว ทำให้อาหารสุกได้เร็วกว่าการอบแบบทั่วไปถึง 40% โดยที่หม้ออบรุ่นนี้มีอุปกรณ์ต่างๆ แถมมาให้เพื่อความสะดวกในการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ตะแกรงทรงเตี้ย ตะแกรงทรงสูง ที่คีบ การควบคุมสามารถทำได้ง่ายเพียงแค่หมุนปุ่มตั้งเวลา และตั้งความร้อน เพียงเท่านั้นก็สามารถทำอาหารได้ทันที


4

Imarflex รุ่น IB-704

ฝาอบทนทาน ทำความสะอาดง่าย

Imarflex รุ่น IB-704 เป็นหม้ออบลมร้อนจาก Imarflex แบรนด์เครื่องครัวที่คุ้นเคยกันมานานในบ้านเรา ซึ่งหม้ออบรุ่นนี้มีขนาด 12 ลิตร ใช้กำลังไฟ 1,200 W ให้ความร้อนสูงสุด 250 องศา สามารถทำอาหารได้หลากหลายรวมไปถึงการทำขนมอบต่างๆ ได้สมบูรณ์แบบมากขึ้นอีกด้วย ตั้งเวลาการทำงานได้สูงสุด 60 นาที ตัวฝาอบ และตัวหม้อมีความแข็งแรง ทนทาน สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย

5

House Worth HW-CO15

ใช้กำลังไฟฟ้าน้อย แต่อาหารสุกทั่วถึงอย่างรวดเร็ว

สำหรับ House Worth HW-CO15 เป็นหม้ออบลมร้อนระบบฮาโลเจนขนาด 12 ลิตร ใช้กำลังไฟฟ้า 1,200 W ซึ่งน้อยกว่าหม้ออบอีกหลายๆ รุ่น ทำให้หม้ออบรุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ประหยัดไฟนั่นเอง แต่ก็สามารถทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว และสุกทั่วถึงกันด้วยระบบลมร้อนหมุนเวียนในโถอบ นอกจากนี้ยังใช้งานได้ง่ายด้วยปุ่มไมโครสวิตช์เพื่อควบคุมการเปิดปิดของเครื่อง ตั้งเวลาในการทำงานได้นาน 60 นาที

6

Sonar Convection Air Fryer CV-705H

โถอบขนาดใหญ่ทำอาหารได้เพียงพอกับคนทั้งครอบครัว

Sonar Convection Air Fryer CV-705H เป็นหม้ออบลมร้อนที่ให้ความร้อนด้วยระบบขดลวด ใช้กำลังไฟ 1,300 W โดยตัวโถอบสเตนเลสนั้นมีขนาดความจุ 12 ลิตร ทำให้สามารถทำอาหารปริมาณที่เพียงพอต่อคนทั้งครอบครัวได้ในการทำเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ตัวฐานของหม้ออบยังทำมาจากพลาสติกที่แข็งแรงช่วยให้มีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้นอีกด้วย

7

KASHIWA CKF-18E

ทำอาหารเพื่อสุขภาพได้ง่ายได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งน้ำมัน

สำหรับ KASHIWA CKF-18E เป็นหม้ออบลมร้อนที่โถอบเป็นสเตนเลส ขนาด 12 ลิตร ใช้กำลังไฟ 1,300 W ซึ่งหม้ออบรุ่นนี้สามารถใช้ทำอาหารเมนูต่างๆ หรือเมนูอาหารเพื่อสุขภาพได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการประกอบอาหารนั่นเอง อีกทั้งยังช่วยรีดน้ำมันส่วนเกินออกจากอาหารได้อีกด้วย การทำอาหารด้วยหม้ออบรุ่นนี้สามารถใช้ความร้อนได้ตั้งแต่ 125 – 250 องศา พร้อมการตั้งเวลาได้ตั้งแต่ 10 – 60 นาที

8

Family Convection Oven CO-02

สร้างความสนุกสนามในการทำอาหารภายในครอบครัว

สำหรับ Family Convection Oven CO-02 เป็นหม้ออบลมร้อนระบบขดลวด ใช้กำลังไฟสูงสุด 1,200 W ขนาดความจุ 12 ลิตร ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 62 – 250 องศา ตั้งเวลาการทำงานได้สูงสุด 60 นาที โดยหม้ออบลมร้อนรุ่นนี้นั้นสามารถทำอาหารหลากหลายประเภทได้อย่างง่ายดาย ทำให้คนในครอบครัวสามารถช่วยกันทำอาหารได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนั้นยังมีระบบ Safety Locks ที่จะตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อด้ามจับถูกยกขึ้น ทำให้มีความปลอดภัยมากกว่าฝาอบทั่วไป

9

Clarte’ FMV-001

หม้ออบลมร้อนที่ใช้เทคโนโลยี Infrared เพื่อรักษาคุณค่าของอาหาร

Clarte’ FMV-001 เป็นหม้ออบลมร้อนที่ได้รับความนิยมจาก Clarte’ แบรนด์เครื่องครัวที่ได้รับความเชื่อถือมาอย่างยาวนาน โดยหม้ออบรุ่นนี้กระจายความร้อนด้วยระบบขดลวด ความจุ 12 ลิตร ใช้กำลังไฟ 1,300 W แต่มีความพิเศษคือมีการใช้ เทคโนโลยี Infrared เข้ามาช่วยในเรื่องการคงความสด และรักษาคุณค่าของสารอาหารไม่ให้สูญเสียมากเกินไปจากความร้อนในระหว่างการทำอาหาร 

10

Mamaru MR-1606D

สามารถทำอาหารได้หลากหลายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

สำหรับหม้ออบลมร้อน Mamaru MR-1606D เป็นหม้ออบด้วยระบบฮาโลเจน มีความจุ12 ลิตร ที่สามารถใช้งานได้ง่ายด้วยการควบคุมระบบสัมผัสด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ Digital ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชันการทำอาหารที่มีมาให้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น การย่างเนื้อ การทำขนมอบ หรือการทำพิซซ่า ซึ่งอาหารเหล่านั้นจะออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้นยังสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้เนื่องจากตัวฝาอบ และโถอบทำมาจากแก้วคุณภาพสูง ปราศจากสารตกค้างระหว่างการทำอาหาร

วิธีการเลือกซื้อหม้ออบลมร้อน

  • เลือกขนาดที่เหมาะสม หม้ออบลมร้อนนั้นส่วนมากจะมีขนาดมาตรฐานคือ 12 ลิตรซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด แต่บางครั้งการเลือกหม้ออบลมร้อนอาจจะต้องดูถึงปริมาณการทำอาหารในแต่ละมื้อประกอบด้วย ซึ่งการใช้โถอบที่มีขนาดความจุ 12 ลิตรอาจจะไม่ตอบโจทย์ สิ่งที่ตอบโจทย์อาจจะเป็นหม้ออบที่มีขนาดเล็กกว่า หรือใหญ่กว่า 12 ลิตร ดังนั้นการเลือกใช้งานหม้ออบลมร้อนให้พิจารณาถึงขนาดที่เหมาะสมสำหรับการทำอาหารในชีวิตประจำวันด้วย 
  • เลือกจากประเภทของตัวทำความร้อน หม้ออบลมร้อนในปัจจุบันนั้นมีตัวทำความร้อนอยู่ 2 ประเภทที่นำมาใช้งาน ได้แก่หม้ออบลมร้อนแบบขดลวด และหม้ออบลมร้อนแบบฮาโลเจน ซึ่งหม้ออบลมร้อนทั้งสองประเภทก็มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกหม้ออบลมร้อนมาใช้งานต้องคำนึงถึงประเภทของการทำความร้อนที่เหมาะสมกับรูปแบบในการทำอาหารด้วย 
  • เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ วัสดุต่างๆ ที่นำมาใช้ผลิตเป็นหม้ออบลมร้อน และส่วนประกอบต่างๆ นั้นมีอยู่ไม่กี่ชนิด ซึ่งส่วนฝาของหม้ออบลมร้อนส่วนมากจะเป็นแก้วคุณภาพสูง ส่วนโถอบถ้าไม่ทำมาจากสเตนเลส ก็ทำมาจากแก้ว ส่วนตัวฐานนั้นจะเป็นพลาสติก โดยโถอบที่ทำมาจากแก้วนั้นมีข้อดีคือสามารถเก็บความร้อนได้ดี ทำความสะอาดได้ง่าย มองเห็นอาหารภายในได้ขณะที่ทำอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถจับตัวโถแก้วได้เนื่องจากแก้วมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ข้อเสียคือมีน้ำหนักมาก แตกง่าย มีความจุน้อย ส่วนโถอบสเตนเลสนั้นมีข้อดีคือ มีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน ไม่แตกหักง่าย อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับอุปกรณ์ครัวประเภทอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ข้อเสียคือไม่สามารถมองเห็นสภาพของอาหารในขณะที่หม้ออบกำลังทำงานได้ อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดสนิม หรือคราบสกปรกได้ง่ายกว่าโถแก้ว ซึ่งการเลือกหม้ออบลมร้อนมาใช้งานการพิจารณาถึงความทนทานสำหรับวัสดุต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม 
  • ต้องทำอาหารได้หลากหลาย การที่จะหาหม้ออบลมร้อนมาใช้งานนั้นย่อมต้องคาดหวังในเรื่องความสามารถในการทำอาหารของหม้อนั้นๆ เป็นสำคัญ ซึ่งการเลือกหม้ออบลมร้อนที่เหมาะสมคือต้องเลือกหม้อที่สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท หลากหลายชนิด และสามารถทำอาหารเหล่านั้นได้ง่ายโดยไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก โดยอาหารที่หม้ออบลมร้อนสามารถทำได้ก็คือ ทอด ปิ้ง ย่าง นึ่ง อบ ซึ่งหม้ออบลมร้อนบางรุ่นจะมีโหมดเฉพาะมาให้สำหรับการทำอาหารในแต่ละประเภท ซึ่งช่วยให้การทำอาหารนั้นง่ายมากขึ้นไปอีก อย่างเช่นโหมดสำหรับทำขนม อบพิซซ่า หรือย่างเนื้อ เป็นต้น
  • ต้องตั้งเวลาการทำงานได้ การใช้งานของหม้ออบลมร้อนนั้นความสะดวกสบายในการใช้งานจะมีมากขึ้นเมื่อหม้อรุ่นนั้นสามารถตั้งเวลาในการทำงานได้ เพราะนอกจากจะช่วยให้การทำอาหารมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย สามารถตัดปัญหาเรื่องการลืมปิด หรือเปิดใช้งานจนเกินเวลาไปได้เลย 
  • มีฟังก์ชันด้านความปลอดภัย หม้ออบลมร้อนนั้นเป็นอุปกรณ์ครัวที่เกี่ยวข้องกับความร้อน และกระแสไฟฟ้า ดังนั้นการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ต้องใช้ความระมัดระวัง รวมไปถึงตัวหม้ออบลมร้อนต้องมีระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Safety Lock ที่จะหยุดการทำงานของหม้อทันทีที่มีการเปิดฝาขณะที่หม้อทำงานอยู่ หรืออาจจะมีระบบสวิตช์ตัดไฟอัตโนมัติ ซึ่งเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด

คำถามที่พบบ่อยของหม้ออบลมร้อน

สำหรับหม้ออบลมร้อนทั้ง 2 แบบ คือแบบขดลวด และแบบฮาโลเจนนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของระบบกระจายความร้อนที่แบบขดลวด ความร้อนจะเกิดมาจากขดลวด แบบฮาโลเจน ความร้อนจะเกิดมาจากหลอดฮาโลเจนนั่นเอง ซึ่งนอกจากเรื่องนี้แล้วหม้ออบลมร้อนทั้ง 2 ประเภทยังมีความแตกต่างในเด้านอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็น หม้ออบลมร้อยแบบขดลวดนั้นเป็นหม้ออบที่มีความทนทานมากกว่า ราคาไม่แพง ทำความสะอาดได้ง่าย แต่ข้อเสียก็คือทำความร้อนได้ช้ากว่าแบบฮาโลเจน และยังเปลืองพลังงานมากกว่าอีกด้วย ส่วนหม้ออบลมร้อนแบบฮาโลเจนนั้นสามารถให้ความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้อาหารสุกเร็วกว่า ประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ข้อเสียคือตัวหลอดฮาโลเจนนั้นมีโอกาสเสื่อมสภาพได้ง่ายถ้าหากดูแลไม่ถูกวิธี หรือปล่อยให้หลอดสกปรก นอกจากนั้นมีราคาที่สูงกว่าหม้ออบลมร้อนแบบขดลวดอีกด้วย

Scroll to Top