น้ำมันปลา

10 สุดยอดน้ำมันปลา ยี่ห้อไหนดี ที่คุณต้องมีประจำปี 2022

ในแต่ละวันร่างกายของเราต้องเผชิญกับความเร่งรีบ และกิจกรรมมากมาย นอกจากนี้ยังมีการใช้สมองอย่างต่อเนื่องและอาจเกิดความเครียด เราจึงควรบริโภคอาหารที่มีประโยชน์เพื่อซ่อมแซมร่างกาย บำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดไขมันในเลือดและบำรุงสมอง ซึ่งสิ่งที่มาตอบโจทย์ด้านนี้ก็คือน้ำมันปลา ที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 ที่ประกอบด้วยกรดไขมันจำเป็น คือ EPA และ DHA ที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเอง มาดูกันว่าหากต้องการเลือกน้ำมันปลามารับประทานจะมียี่ห้อไหนน่าสนใจ

ลองมาดูกันว่า 10 อันดับน้ำมันปลา แต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นอะไรบ้างที่น่าสนใจ

1

น้ำมันปลา-1

Real Elixir Fish Oil

น้ำมันปลาสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก นำเข้าจากประเทศนอร์เวย์

Real Elixir Fish Oil คุณประโยชน์อัดแน่นเต็มเม็ด สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาว อุดมด้วยโอเมก้า 3 ที่ประกอบด้วยกรดไขมันจำเป็น คือ EPA และ DHA นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย เมื่อรับประทาน 1 แคปซูลจะมีคุณค่าเทียบเท่ากับการรับประทานปลาทะเล 300 กรัมทุกวัน ช่วยบำรุงสมองส่วนการเรียนรู้และจดจำ และลดความดันโลหิตและความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ


2

น้ำมันปลา-2

Amsel Fish Oil

น้ำมันปลาจากวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศแคนาดา

Amsel Fish Oil สกัดจากปลาตัวเล็กที่อาศัยใต้ทะเลลึกจึงปราศจากสารพิษจากโลหะหนัก เช่นสารปรอทหรือสารตะกั่ว อุดมด้วย EPA และ DHA ที่มีคุณประโยชน์ด้านการบำรุงเซลล์สมองและประสาท ช่วยบำรุงและเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ ตลอดจนป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง เช่นอัลไซเมอร์ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดความดันโลหิต ตลอดจนป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือดและช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลอย่างมีประสิทธิภาพ


3

น้ำมันปลา-3

Vistra Salmon Fish Oil

น้ำมันปลาแซลมอนเกรดพรีเมียมจากไอซ์แลนด์และนอร์เวย์

Vistra Salmon Fish Oil ใช้กรรมวิธีสกัดเย็นในการสกัดน้ำมันปลาแซลมอนคุณภาพเกรดพรีเมียม บริสุทธิ์ไร้สารปนเปื้อนและมีมาตรฐานในการผลิตเช่นเดียวกับยา ในหนึ่งเม็ดประกอบด้วยน้ำมันปลา 1,000 มิลลิกรัม ให้กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ถึง 300 มิลลิกรัมที่ประกอบด้วย EPA 180 มิลลิกรัมและ DHA 120 มิลลิกรัม และวิตามินอี 9.09 มิลลิกรัม ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ ลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลในเลือด และบรรเทาอาการปวดข้อ


4

น้ำมันปลา-4

Blackmores Omega Double Daily

น้ำมันปลาที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 สองเท่า

Blackmores Omega Double Daily น้ำมันปลาแบบแคปซูลมีปริมาณโอเมก้า 3 เข้มข้นถึง 666.6 มิลลิกรัม ประกอบด้วย EPA 360 มิลลิกรัมและ DHA 240 มิลลิกรัม พร้อมวิตามินอีซึ่งเป็นวิตามินสำคัญที่ละลายในน้ำมัน ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ลดการเสื่อมสลายของเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากมาตรฐานสากล ไร้การปนเปื้อนจากโลหะหนัก บำรุงสมอง หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อรับประทานพร้อมอาหารทุกวัน 

5

น้ำมันปลา-5

Wagner Fish Oil

น้ำมันปลาขนาดครอบครัวยอดนิยมจากออสเตรเลีย

Wagner Fish Oil อุดมด้วยสารสำคัญโอเมก้า 3 ที่ช่วยในการบำรุงสมองและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ประกอบด้วย EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม ทานง่าย ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์จากปลา ได้รับการตรวจสอบว่าปราศจากสารปรอทและสารตะกั่วตกค้าง ช่วยบำรุง หัวใจ สมอง กระดูกและข้อ รวมถึงดวงตา ลดความเสี่ยงจากความดันโลหิตสูงหรืออาการหลอดเลือดอักเสบ รับประทานร่วมกับอาหารครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุงร่างกาย

6

น้ำมันปลา-6

Mega We Care Fish Oil 

น้ำมันปลาแบรนด์ไทยคุณภาพระดับสากล

Mega We Care Fish Oil น้ำมันปลาบำรุงสมอง ลดระดับไขมันในเลือด ดูแลหลอดเลือดหัวใจและลดความดันโลหิตสำหรับทุกเพศทุกวัย ด้วยคุณค่าน้ำมันสกัดจากปลาทะเลด้วยมาตรฐานการผลิตยาจาก Federal Institute for Drugs and Medical Devices ในยุโรป และ Therapeutic Goods Administration ในออสเตรเลีย ประกอบด้วยโอเมก้า 3 ถึง 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งมี EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม ผ่านการตรวจสอบว่าปราศจากการปนเปื้อนจากโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

7

น้ำมันปลา-7

Nutrimaster Bain Syrup (DHA 70%) 

น้ำมันปลาแบบน้ำเชื่อมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ

Nutri Master Bain Syrup น้ำมันปลาแบบน้ำเชื่อมผสมวิตามินรวมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ สกัดจากปลาทูน่าพรีเมียม อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า มีส่วนช่วยในการเจริญอาหาร เสริมสร้างเซลล์สมองส่งเสริมความจำ อุดมด้วยวิตามินรวมเช่น วิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินอี ช่วยดูแลสุขภาพ ช่วยบำรุงสมองให้ปลอดโปร่ง มีความคิดสร้างสรรค์ และมีพัฒนาการด้านเรียนรู้และความจำได้ดีขึ้น ช่วยพัฒนาเซลล์สมองทำให้เด็กมีสมาธิสูงขึ้น และรู้สึกผ่อนคลายปราศจากความเครียด

8

น้ำมันปลา-8

Bioglan Fish Oil 2000

น้ำมันปลาคุณภาพจากประเทศออสเตรเลีย

Bioglan Fish Oil 2000 ผลิตจากน้ำมันปลาคุณภาพสูง พร้อมปริมาณกรดไขมัน Omega 3 ถึง 300 มิลลิกรัมต่อเม็ด พร้อม EPA 360 มิลลิกรัม และ DHA 240 มิลลิกรัม ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์จากปลา ผ่านการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยาในประเทศออสเตรเลีย ปราศจากการปนเปื้อนจากโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ช่วยบำรุงสมอง ลดระดับไขมันในเลือด ดูแลหลอดเลือดหัวใจและลดความดันโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบของข้อต่อ และช่วยบำรุงสายตา 

9

น้ำมันปลา-9

Maxxlife Fish Oil

บำรุงสมองและข้อต่อด้วยน้ำมันปลาจากสหรัฐอเมริกา

Maxxlife Fish Oil ผลิตภัณฑ์คุณภาพนำเข้าจากอเมริกา สกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึกในเขตหนาว ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยในการป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ข้ออักเสบ ช่วยเพิ่ม HDL หรือไขมันชนิดดีที่จะช่วยลด LDLไขมันอันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดอุดตัน นอกจากนี้ยังเสริมประสิทธิภาพด้วยวิตามินอีช่วยต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการอักเสบ และป้องกันการแตกของเม็ดเลือด

10

น้ำมันปลา-10

Fish Oil AMWAY Nutrilite

น้ำมันปลานำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

Fish Oil AMWAY Nutrilite น้ำมันปลา 525 มิลลิกรัม เป็นน้ำมันบริสุทธิ์หรือเป็นไตรกลีเซอไรด์บริสุทธิ์ที่มีองค์ประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว EPA 80 มิลลิกรัม DHA 60 มิลลิกรัม ปราศจากกรดไขมันอิ่มตัว ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่เจือสี ไม่ใช้วัตถุแต่งกลิ่นรส และไม่ใช้วัตถุกันเสียหรือสารเจือปนอื่นใด ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานให้ดีขึ้น และช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองและสายตา

วิธีการเลือกซื้อน้ำมันปลา

  • แบรนด์ที่ได้มาตรฐาน ควรเลือกยี่ห้อน้ำมันปลาที่ได้มาตรฐานหรือได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรือการรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก United States Pharmacopeia (USP) หรือ National Science Foundation (NSF) เพราะมักจะผ่านการตรวจสอบปริมาณสารอาหารและมีการควบคุมกระบวนการผลิตในระดับสากล เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสารอาหารในปริมาณที่ถูกต้องปลอดภัย ปราศจากสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารตะกั่ว ปรอท 
  • แหล่งซื้อที่ได้มาตรฐาน นอกจากการเลือกแบรนด์น้ำมันปลาที่ได้คุณภาพแล้ว ควรซื้อจากแหล่งที่ไว้ใจได้ว่าไม่นำสินค้าปลอมมาขาย หรือซื้อจากร้านค้าที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำในการรับประทานอย่างถูกต้อง ทำให้ได้น้ำมันปลาที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการ นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้สูงอายุควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอก่อนเริ่มรับประทานน้ำมันปลาเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับประทานตามขนาดที่เหมาะสม หรือเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • ปริมาณของกรดไขมันจำเป็น EPA และ DHA ในการเลือกซื้อไม่ควรคำนึงถึงปริมาณมิลลิกรัมของกรดไขมันโอเมก้า 3 เพียงอย่างเดียว แต่ควรเลือกสัดส่วนของปริมาณ EPA และ DHA ที่จะสามารถดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย 
  • ความสดใหม่ ควรเลือกน้ำมันปลาที่มีฉลากระบุวันผลิตและหมดอายุที่ชัดเจน สดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน และควรหลีกเลี่ยงการเก็บน้ำมันปลาในที่ร้อนจัด หรือมีความชื้นสูง ควรเก็บในที่แห้งและเย็น ในขวดทึบแสงที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการทำปฏิกิริยากับอากาศและเกิดกลิ่นหืนในที่สุด

คำถามที่พบบ่อยของน้ำมันปลา

น้ำมันปลาคือน้ำมันที่ผ่านการสกัดจากปลาทะเลน้ำลึกต่าง ๆ เช่นปลาทูน่า ปลาแซลมอน หรือปลาค็อด น้ำมันปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น กรดไขมันโอเมก้า 3 ประกอบด้วยสารสำคัญอย่าง EPA และ DHA ซึ่งมีความจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย หากได้รับในปริมาณที่พอเหมาะจะมีส่วนช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง ลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความจำเสื่อมอัลไซเมอร์ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้

สำหรับเด็กอายุระหว่างสองถึงสามปีต้องรับประทานอย่างน้อย 40 มิลลิกรัมต่อวัน เมื่อเด็กอายุ 4-8 ปี ควรเพิ่มปริมาณเป็น 55 มิลลิกรัมต่อวัน และสำหรับวัยรุ่นจะอยู่ระหว่าง 70 ถึง 125 มิลลิกรัมต่อวัน โดยขึ้นกับอายุและเพศ สำหรับผู้ใหญ่ในการป้องกันโรคหัวใจ ควรบริโภค EPA และ DHA ในปริมาณรวมกันระหว่าง 250 และ 500 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 1,750 ถึง 3,500 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์

ประโยชน์ของน้ำมันปลาต่อการบำรุงสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์และการบำรุงสุขภาพอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังคลอดมีหลากหลายข้อ ดังนี้ 

  • เนื่องจาก DHA เป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์สมองและจอประสาทตา การบริโภคน้ำมันปลาทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับ DHA อย่างเพียงพอ และส่งผลให้ทารกมีพัฒนาการทางสมองและสายตาที่สมบูรณ์ขึ้น
  • การรับประทานน้ำมันปลาในระหว่างการตั้งครรภ์สามารถช่วยเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ทารกด้วยเช่นกัน 
  • การรับประทานน้ำมันปลาจะช่วยลดอาการอักเสบของข้อต่อต่าง ๆ ที่มักพบในหญิงตั้งครรภ์ได้
  • สำหรับคุณแม่หลังคลอด ควรรับประทานเนื้อปลาให้เพียงพอ หรือทานน้ำมันปลาในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ 

อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนรับประทานน้ำมันปลา เพื่อรับคำแนะนำและกำหนดปริมาณที่เหมาะสมในการรับประทาน ไม่ให้เกินต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้หากเกิดอาการข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เกิดผื่นคันควรหยุดรับประทานน้ำมันปลาและไปพบแพทย์ทันที

น้ำมันตับปลา (Cod liver oil) สกัดมาจากตับของปลาทะเล มีวิตามินเอและวิตามินดีเป็นส่วนประกอบสำคัญ นิยมใช้เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพต่างกับน้ำมันปลาจึงไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้

สารบางชนิดในน้ำมันปลาอาจทำส่งผลให้เลือดหยุดไหลช้า หากรับประทานน้ำมันปลาเป็นประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าก่อนการผ่าตัด และควรหยุดรับประทานน้ำมันปลาก่อนการผ่าตัด 10 วัน นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับยาบางชนิดเป็นประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งก่อนเริ่มรับประทานน้ำมันปลา เพราะยาบางตัวเช่นวาร์ฟาริน (Warfarin) ทำให้เลือดหยุดไหลช้าเช่นกันและน้ำมันปลาอาจจะไปเสริมฤทธิ์ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

แหล่งอ้างอิง

https://www.medicalnewstoday.com

https://ods.od.nih.gov

Scroll to Top